bookmark_borderเดือดร้อนกันไปทั่วเพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอมกักตัว

เดือดร้อนกันไปทั่วเพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอมกักตัวหลังจากกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง

      เป็นเรื่องที่น่าเศร้าบ้างประชาชนพี่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงส่วนใหญ่มักไม่ให้ความร่วมมือกับทางราชการที่ขอความร่วมมือให้กักตัวเองอยู่แต่ในบริเวณบ้านในกรณีที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศระยะเวลา 14 วันเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสซึ่งทางรัฐบาลเองก็ได้ออกมาประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าหากครบ 14 วัน

แล้วไม่มีอาการติดเชื้อคนเหล่านั้นก็สามารถออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแต่เมื่อถึงเวลาจริงๆทุกคนต่างเห็นแก่ตัวและไม่ให้ความร่วมมือกันส่วนใหญ่เมื่อเดินทางมาถึงแล้วไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่ายังไม่มีเชื้อไวรัสต่างก็พากันออกมาใช้ชีวิตปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่หมอและพยาบาลรวมถึงผู้เเชี่ยวชาญด้านการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าก็ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับลักษณะของการติดเชื้อและว่าหากเชื้อเพิ่งฝังตัวยังไม่แสดงอาการก็อาจจะตรวจไม่พบเชื้อไวรัสก็ได้ดังนั้น

จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนให้ทำการอยู่แต่ในบ้านก่อนเป็นการชั่วคราวแต่จากการติดตามข่าวสารบ้านเมืองที่ผ่านมาพบว่าหลายคนยังคงออกไปจับจ่ายซื้อของใช้ชีวิตหรูหราตามปกติ จนทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน  อย่างเช่นหญิงสาวคนหนึ่งที่เธอมีการโพสต์เรื่องราวของเธอลงบน Facebook ว่าเธอเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มเสี่ยงที่มีการระบุเอาไว้ว่าควรจะต้องมีการกักตัว 14 วันแต่วันต่อมาเธอกลับโพสต์รูปภาพของเธอไปใช้บริการในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางแค

โดยเธอไปกินอาหารไปซื้อของโดยที่เธอไม่สนใจว่าคนอื่นจะกลัวการแพร่ระบาดเชื้อจากเธอซึ่งเรื่องราวของเธอได้ถูกเปิดเผยออกมาว่าเธอเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศและก็เดินทางไปช้อปปิ้งที่เดอะมอลล์ต่อทำให้เจ้าหน้าที่ของห้างเดอะมอลล์บางแคออกมาประกาศปิดทำการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 3 วันเพื่อต้องการพ่นยาฆ่าเชื้อตามสถานที่ต่างๆ

ที่หญิงสาวคนดังกล่าวได้มีการเดินทางเข้าไปซื้อของนี่คือความเห็นแก่ตัวที่คนคนนึงมีโดยไม่นึกถึงส่วนรวมในเบื้องต้นการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าของคนในประเทศไทยมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่ด้วยจำนวนคนเหล่านี้ที่เห็นแก่ตัวพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่มีคนหมู่มากจึงง่ายต่อการที่จะแพร่เชื้อไวรัสของตนเองไปสู่บุคคลอื่นอย่างเช่นต่อมาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ไปเที่ยวชมการชกมวยที่สนามมวยลุมพินีและทำการแพร่เชื้อให้กับคนอื่นมากกว่า 50 คนจนต้องประกันรักษาตัวจนแน่นโรงพยาบาลอยู่ในขณะนี้

และมีแนวโน้มว่าการแพร่ระบาดจะไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ 50 คนเท่านั้นเพราะบุคคลทั้งหลายที่ได้รับการติดเชื้อไปก็จะไปแพร่ให้คนอื่นต่อเป็นวัฏจักรต่อไปดังนั้นนี่คืออุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นสำหรับคนไทยทุกคนที่คุณจะเห็นแก่สังคมส่วนรวมมากกว่าความสุขส่วนตัวช่วยกันหยุดการแพร่ระบาดอาการอยู่กับบ้านไม่ออกไปไหนกันดีกว่า 

bookmark_borderพระออกมาโต้ไม่ได้ปฏิเสธที่จะเผาผู้ป่วยผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 วัย 70 ปี

หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าอายุประมาณ 70 ปีได้เสียชีวิตลงโดยทางญาติต้องการที่จะนำมาเผาศพแต่ได้รับการปฏิเสธจากวัดในหลายพื้นที่ว่าไม่สะดวกที่จะให้นำศพมาเผาที่วัดดังกล่าวจนลูกชายของผู้เสียชีวิตถึงกับต้องเอามาโพสต์บอกเล่าเรื่องราวสุดเศร้าใจนี้ว่าไม่สามารถที่จะไปหาวัดเพื่อที่จะสอบเอาให้กับพ่อได้ ซึ่งล่าสุดเมื่อวานนี้เองได้มีวัดหนึ่งแถวเขตมีนบุรีได้รับดำเนินการสวดอภิธรรมศพให้รวมถึงรับเผาศพให้

ซึ่งภายในงานมีคนมาร่วมงานจำนวนไม่กี่คนและแต่ละคนก็สวมหน้ากากอนามัยรวมถึงพระที่ทำการสวดศพก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยด้วยเช่นเดียวกันวันนี้ได้มีวัดหนึ่งที่อยู่ในลิสรายชื่อว่าเคยปฏิเสธไม่รับผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าให้เขาไปเผาศพภายในวัดทางเจ้าอาวาสจึงได้ออกมาเพื่อร้องขอความเป็นธรรมและออกมาปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริงซึ่งวัดดังกล่าวก็คือวัดบัวแก้วศรัทธาธรรมเลยวัดดังกล่าวนี้อยู่ในเขตพื้นที่มีนบุรีเช่นเดียวกันซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ออกมาบอกว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดแรกเลยที่ปฏิเสธไม่ให้นำศพมาเผาที่นี่เหรียญหลวงพ่อพระครูสมุมนัส  มาปิโต 

ได้ออกมาบอกว่าตามที่ลูกชายของผู้เสียชีวิตได้ออกมาโพสต์และมีการแชร์ในโลกออนไลน์นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดเพราะวัดถือว่าเป็นสถานที่ที่คอยช่วยเหลือดูแลประชาชนเป็นที่พึ่งของประชาชนทุกคนดังนั้นผู้ที่มาติดต่อกับทางวัดไม่ว่าจะเป็นคนดีมีจนหรือป่วยด้วยโรคร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงมาก็ตามว่าจะไม่มีทางปฏิเสธประชาชนแน่นอนและยืนยันได้ว่าเท่าที่จำได้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังไม่เคยมาติดต่อขอนำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้กับทางวัดเลยทางวัดสามารถเปิดให้บริการสำหรับผู้ป่วยที่ป่วยด้วยการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้หากใครจะมาเผาศพที่นี่

      ซึ่งจากการวิเคราะห์หาสาเหตุการติดเชื้อรายชื่อแล้ว  แต่ว่าทางวัดไม่น่าจะมีการปฏิเสธทางญาติโยมที่จะมาขอใช้บริการเพียงแต่ว่าอาจจะเป็นการสื่อสารกันแล้วเข้าใจในทางที่ผิดซึ่งทางผู้ช่วยทางเจ้าอาวาสท่านก็ออกมาบอกกล่าวกับนักข่าวว่าทางวัดยังยินดีรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาทุกอย่างได้ตามปกติเหมือนเดิมดังนั้นหากใครที่มีคนในครอบครัวเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส โควิด-19ก็สามารถที่จะนำศพมาเผาที่นี่ได้จะมีพระอาจารย์คอยดูแลซึ่งสามารถเผาศพเป็นที่เรียบร้อยแน่นอน โดยทางวัดจะยังคงยินดีให้บริการกับประชาชนทุกเรื่องไม่ว่าจะเดือดร้อนเรื่องอะไรมาเพราะว่าถือว่าเป็นที่พึ่งของประชาชนที่หนึ่ง