bookmark_borderการติดการพนันอาจสูงกว่าการอ้างสิทธิ์ในอุตสาหกรรมถึงเก้าเท่า

การศึกษาสถานที่สำคัญพบว่า 1.4 ล้านคนได้รับอันตรายและ 1.5 ล้านคนที่มีความเสี่ยงในขณะที่รัฐบาลพร้อมที่จะเปิดเผยการปฏิรูป

อัตราการติดการพนันอาจสูงกว่าการอ้างสิทธิ์ของอุตสาหกรรมการพนันถึงเก้าเท่า จากการศึกษาครั้งสำคัญที่พบว่าผู้คน 1.4 ล้านคนกำลังได้รับอันตรายจากการพนันของตนเอง ในขณะที่อีก 1.5 ล้านคนมีความเสี่ยง เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนของรัฐบาลจากการเปิดเผยแผนการปฏิรูปกฎหมายการพนันแบบครั้งเดียวในรุ่น การสำรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันโดยองค์กรการกุศลชั้นนำ GambleAware เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นแสวงหาการรักษา

การสำรวจออนไลน์ของผู้ใหญ่มากกว่า 18,000 คนดำเนินการในปี 2564 พบว่ามากถึง 2.8% ของประชากรทำคะแนนแปดหรือสูงกว่าในดัชนีความรุนแรงของการพนันที่เป็นปัญหา ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อวัดอันตรายที่นักพนันแต่ละคนได้รับ อัตราเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในผู้ชาย โดย 3.7% ถือว่ามีปัญหาและ 7.5% มีความเสี่ยง ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ชายมากกว่า 10 คนกำลังดิ้นรนกับการพนันหรือตกอยู่ในอันตรายจากการทำเช่นนั้น ในบรรดาผู้หญิงอัตราการติดยาเสพติดอยู่ที่ 2% โดย 4% อยู่ในประเภทที่มีความเสี่ยง

อัตราการติดการพนันอาจสูงกว่าการอ้างสิทธิ์ของอุตสาหกรรมการพนันถึงเก้าเท่า จากการศึกษาครั้งสำคัญที่พบว่าผู้คน 1.4 ล้านคนกำลังได้รับอันตรายจากการพนันของตนเอง ในขณะที่อีก 1.5 ล้านคนมีความเสี่ยง เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนของรัฐบาลจากการเปิดเผยแผนการปฏิรูปกฎหมายการพนันแบบครั้งเดียวในรุ่น การสำรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันโดยองค์กรการกุศลชั้นนำ GambleAware เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นแสวงหาการรักษา

การสำรวจออนไลน์ของผู้ใหญ่มากกว่า 18,000 คนดำเนินการในปี 2564 พบว่ามากถึง 2.8% ของประชากรทำคะแนนแปดหรือสูงกว่าในดัชนีความรุนแรงของการพนันที่เป็นปัญหา ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อวัดอันตรายที่นักพนันแต่ละคนได้รับ อัตราเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในผู้ชาย โดย 3.7% ถือว่ามีปัญหาและ 7.5% มีความเสี่ยง ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ชายมากกว่า 10 คนกำลังดิ้นรนกับการพนันหรือตกอยู่ในอันตรายจากการทำเช่นนั้น ในบรรดาผู้หญิงอัตราการติดยาเสพติดอยู่ที่ 2% โดย 4% อยู่ในประเภทที่มีความเสี่ยง

ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะอยู่ในกลุ่ม 6% ของประชากรหรือ 3.3 ล้านคนซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม “ผู้ได้รับผลกระทบ” ซึ่งหมายความว่าการพนันของคนอื่นมีผลกระทบต่อพวกเขา แม้จะมีอัตราที่สูงจากการสำรวจ แต่มีเพียง 8,490 คนเท่านั้นที่ได้รับการรักษาจาก National Gambling Treatment Service (NGTS) เมื่อปีที่แล้ว GambleAware กล่าว โดยแนะนำว่าสำหรับทุกคนที่ได้รับความช่วยเหลือ 160 คนที่ได้รับประโยชน์จากมันไม่ได้ NGTS ประกอบด้วยบริการต่างๆ เช่น GamCare, Gordon Moody และ Primary Care Gambling Service ที่เสนอการรักษาที่เป็นความลับและการสนับสนุนสำหรับผู้ที่ประสบอันตรายจากการพนันหรือมีปัญหาในการพนัน เก้าใน 10 คนที่เสร็จสิ้นการรักษาโดยบริการ NGTS เห็นว่าอาการของพวกเขาดีขึ้น GambleAware กล่าว

ประมาณการของ YouGov ว่า 2.8% ของผู้คนกำลังประสบอันตรายจากการพนันนั้นสูงกว่าอัตรา 0.3% ที่พบโดยการสำรวจทางโทรศัพท์ของคณะกรรมาธิการการพนันถึงเก้าเท่า ซึ่งเป็นมาตรการที่ผู้ทำการแนะนำชักชวนชักชวนในอุตสาหกรรมการพนันบ่อยครั้งเพื่อระบุว่าการเสพติดกำลังลดลง ตัวเลข YouGov ยังห่างไกลจาก 0.5% ที่พบในการศึกษาแบบตัวต่อตัวสำหรับ NHS ในปี 2559

GambleAware กล่าวว่าสิ่งนี้น่าจะเกิดจากระเบียบวิธีปฏิบัติ เนื่องจากผู้ที่มีส่วนร่วมในการสำรวจออนไลน์อาจมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาในการเล่นการพนันอย่างไม่เป็นสัดส่วน อย่างไรก็ตาม มันกล่าวว่าในขณะที่ตัวเลขของ YouGov มีแนวโน้มที่จะอยู่ที่ “ขอบเขตบน” ของอัตราการเสพติดที่แท้จริง การสำรวจได้รับการควบคุมอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลเบ้ องค์กรการกุศลแนะนำว่าการสำรวจอื่นๆ อาจประเมินตัวเลขที่แท้จริงต่ำไป

 

สนับสนุนโดย.  aesexy

bookmark_borderดนตรีบำบัดกับโรคซึมเศร้า

ดนตรีบำบัดกับโรคซึมเศร้า หลายครั้งเรามักจะเข้าใจและได้รับความรู้มาว่าดนตรีนั้นสามารถช่วยบำบัดและทำให้จิตใจผ่อนคลายได้ ในบางครั้งที่เรานั้นต้องการลดความเครียดหรือหลีกหนีความวุ่นวาย ต้องการความสงบเราก็มักจะใช้ดนตรีเสียงเพลงนั้นขับกล่อมให้เรานั้นได้รู้สึกผ่อนคลายความเครียดและความกังวลได้มากขึ้น

แต่การทำดนตรีบำบัดนั้นหลายคนอาจจะเข้าใจว่าสามารถทำได้ด้วยตัวเองเพียงเราได้ฟังเพลงที่ชอบหรือฟังเพลงที่มีเนื้อหาดนตรีที่ผ่อนคลายก็สามารถทำให้เรานั้นลดความเครียดได้ แต่ความจริงแล้วนั้นในการทำดนตรีบำบัดจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการทำเพราะความแตกต่างในการบำบัดนั้นมีความแตกต่างออกไปในตัวแต่ละบุคคลนั่นเอง

สำหรับดนตรีทั่วไปและดนตรีบำบัดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในส่วนของสปามิวสิคที่หลายๆคนนั้นมักจะเข้าใจว่าการทำสปามิวสิคือดนตรีบำบัดแต่ความเป็นจริงนั้นดนตรีเหล่านี้มีหลาประเภทเพราะไม่ได้ทำให้จิตใจผ่อนคลายเท่านั้นในบางครั้งก็อาจจะปลุกใจให้หึกเหิมก็ได้และสปามิวสิคนั้นเป็นเพียงดนตรีกลุ่มเล็กที่ทำให้เกิดความผ่อนคลาย

ดังนั้นแล้วเพื่อสุขภาพจึงถูกแยกออกจากดนตรีบำบัดอย่างสิ้นเชิงและในการทำดนตรีบำบัดการมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำดนตรีบำบัดด้วย

ดนตรีบำบัดโรคซึมเศร้า สามารถช่วยให้โรคซึมเศร้าหายได้ แต่ก็จะต้องมีการวิเคราะห์ก่อนว่า โรคซึมเศร้าเกิดจากอะไรและถ้าสามารถฟังดนตรีและผ่อนคลายได้ ก็จะเรียกว่าการผ่อนคลายด้วยตนเองและยังเป็นโรคซึมเศร้าในระยะที่สามารถรักษาได้ แต่ถ้าหากมีการฟังเพลงหรือฟังดนตรีและเกิดการซึมเศร้ามากขึ้น

ซึ่งดนตรีหรือเพลงอาจจะกระทบกระเทือนจิตในของผู้เป็นโรคซึมเศร้าในอาการเหล่านี้  หวยฮานอยดึก   ก็อาจจะต้องพบจิตเวชเพื่อหาสามารถและดูว่าการรักษาด้วยดนตรีบำบัดได้ไหมและก็จะมีการส่งตัวผู้ป่วยไปให้กับนักดนตรีบำบัด ทั้งนี้การใช้ดนตรีบำบัดสำหรับรักษาอาการของโรคซึมเศร้า ก็จะมีการใช้ดนตรีและการพูดคุยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและหาวิธีการรับมือต่อโรคซึมเศร้าหรือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยให้ได้

ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวันการรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่างๆและรวมถึงความเครียดต่างๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการโรคซึมเศร้านั้น การกินยาที่แพทย์สั่งและรักษาด้วยดนตรีบำบัดนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องทำควบคู่กัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีและสามารถที่จะหายขาดจากการซึมเศร้านั้นๆได้

อย่างไรก็ตามสำหรับโรคซึมเศร้านั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมากในช่วงวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน การรักษาด้วยดนตรีบำบัดจึงเป็นอีกทางหนึ่งในการรักษาโรคซึมเศร้า ถึงแม้ว่าดนตรีบำบัดนั้นจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้หายขาดจาการซึมเศร้าได้อย่าง100% แต่ดนตรีบำบัดนั้นก็จะทำให้การรักษาโรคซึมเศร้านั้นเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดได้

bookmark_borderอาหารป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่

อาหารป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งเราก็ได้มีมาแนะนำอยู่หลายตัวเลยมาเริ่มกันอาหารชนิดแรกกันเลยก็คือ อาหารที่มีแคลเซียมสูง มีการวิจัยว่าอาหารที่มีแคลเซียมสูงสามารถที่จะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ดีเลยทีเดียวและอาหารที่มีแคลเซียมสูงมีอะไรบ้างเช่น ผักใบเขียว ปลาตัวเล็กๆที่กินได้ทั้งตัวได้ หรือจะเป็นพวก โยเกิร์ตต่างๆนมต่างๆพวกนี้ก็เป็นอาหารที่มีแคลเซียมสูง

โดยเราสามารถที่จะทานได้เยอะแยะเลยและที่สำคัญถ้าเราทานแคลเซียมไปแล้วอย่างเดียวเราจะต้องมีวิตามินดีด้วยเพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียมวิตามินดีได้จากไหนก็ได้จากแสงอาทิตย์โดยเฉพาะประเทศไทยยแสงอาทิตย์ร้อนแรงมากก็แนะนำว่าช่วง07.00-09.00โมงเช้า หรือว่า ช่วง16.00-17.00โมงเย็นก็จะเป็นแสงอาทิตย์ที่ไม่รุณแรงเกินไปก็ได้ประโยชน์เพียงพอแล้วแหละวันนึงโดนแดดประมาณสัก15นาทีจะได้วิตามินที่เพียงพอ

อาหารชนิดที่สองก็คือ กลุ่มของอาหารที่มีทั้ง ไฟเบอร์และแม็กนีเซียมสูง โดยอาหารในกลุ่มที่มีไฟเบอร์และแม็กนีเซียมสูงจะทำให้การขับถ่านของเราดีอุจจาระของเราก็จะไหลลื่นลงไปเป็นก้อนนดีแล้วอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็ง ถามว่าอาหารพวกนี้คืออะไรก็คือกลุ่มพวกข้างโอ๊ตพวกธัญพืชนั่นเองต่างๆ

สามารถที่จะรับประทานได้หลากหลายเลยแนะนำไฟเบอร์ต่อวันประมาณ90กรัมต่อวันถ้าไม่อยากคำนวณก็ไม่เป็นไรเอาเป็นว่ามื้อนึงของเรามีอาหารอยู่หนึ่งจานเราแบ่งเป็น4ส่วน2ส่วนก็คือไฟเบอร์หรือผักนั่นเองอีก1ส่วนเป็นคาร์โบไฮเดรตก็คือข้าวแป้งอีก1ส่วนนี่เป็นโปรตีนเพราฉะนั้นแล้วในหนึ่งจานของเรากินผักครึ่งจานแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

อาหารอย่างที่สามก็คือ ถั่ว โดยถั่วจะมีทั้งไฟเบอร์ทั้งโปรตีนชนิดดีมีวิตามินบีวิตามินอีพวกนี้เขาจะมีสารที่ชื่อว่า ฟลาโวนอยด์  โดยจะเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ชนิดหนึ่งยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดีไม่ใช่เพียงมะเร็งของกลุ่มลำไส้ใหญ่เท่านั้นมะเร็งอะไรมันก็สามารถที่จะลดไม่ใช่รักษา

นอกจากนี้ ลด ในที่นี้หมายถึงว่า เราจะต้องป้องกันก่อนไม่ใช่เป็นแล้วไปกินถั่วมันจะหายแบบนี้ไม่ใช่นะต้องเข้าใจกันให้ดีๆ  กริลแอร์   ก็กินพวกนี้ก็จะได้พวกโปรตีนชั้นดีได้ทั้งไฟเบอร์ต่างๆววิตามินดีต่างๆก็ลองทานกันดู

อาหารชนิดที่สี่ก็คือ ผักผลไม้ที่มีสีสดใส กลุ่มนี้เขาเรียกว่าไฟโตเคมิคอลหมายความว่าเป็นสารอาหารที่มีความเป็นธรรมชาติสูง ซึ่งได้ให้สารอาหารต่างๆได้ดีและมีการวิจัยว่าอาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติถ้าเราทานเข้าไปโดนไม่ปรุงแต่งก็จะทำให้เรามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับลดอักเสบของร่างกาย

bookmark_borderวิธีสังเกตอาการว่าคุณเป็นโรคเหนื่อยง่ายแล้วหรือยัง?

สำหรับโรคแรก ก็คือ โรคหัวใจวาย หรือ Congesti Heart Failure โรคนี้เกิดขึ้นจากการที่หัวใจของเราทำงานน้อยลงนั่นเองมันอาจจะเกิดปัจจัยต่างๆ  วิธีสังเกตอาการ  ที่มากระทบต่อหัวใจโดยส่วนใหญ่ที่สาเหตุที่พบก็เกิดจากหัวใจขาดเลือดนั่นเองพอหัวใจของเราขาดเลือดนานๆเข้า

หัวใจของเราก็จะทำงาผิดปกติไปทำงานได้น้อยลงพอหัวใจทำงานน้อยลงหัวใจมีหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงแรงกายมันก็จะทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงร่างกายน้อยลงด้วยเช่นกันก็จะทำให้เราเหนื่อยง่ายไม่ว่าจะออกแรงเดินเข้าห้องน้ำก็เหนื่อยแล้วแค่หยิบขันน้ำขึ้นมาก็เหนื่อยแล้ว

นอกจากนี้แล้วถ้าหัวใจของเราทำงานช้าลงหรือว่าแย่ลงไปเรื่อยๆแล้วพวกน้ำพวกเลือดมันก็จะล้นไปที่ปอดก็จะทำให้มีอาการน้ำท่วมปอดก็จะทำให้นอนราบไม่ได้ขาบวมอันนี้ก็เป็นสัญญาณนึงว่าคุณจะเป็นโรคหัวใจ Congesti Heart Failureแล้วก็ได้ดังนั้นให้รีบไปโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อไป

สำหรับโรคที่สอง ก็คือ โรคโลหิตจาง หรือ Anemia ถือได้ว่าเป็นโรคที่พบกันได้บ่อยมาโดยปกติแล้วร่างกายของเราก็จะมีเม็ดเลือดแดงในการขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงในส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อเรามีภาวะโลหิตจางก็จะทำให้เม็ดเลือดแดงลดลงเช่นกันออกซิเจนก็จะไปเลี้ยงส่วนต่างๆในร่างกายได้น้อยลงก็จะทำให้คุณเหนื่อยง่ายเวลาออกเหนื่อยนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว

ซึ่งภาวะโลหิตจางพบได้ในใครบ้างส่วนใหญ่ก็จะพบในผู้หญิงเจริญพันธุ์เพราะว่าผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ก็จะมีประจำเดือนยิ่งใครมีประจำเดือนยิ่งใครมีประจำเดือนมาเยอะหรือว่ารอบเดือนมาหลายวันก็จะส่งผลทำให้ภาวะโลหิตจางขาดเหล็กกันได้ง่าย

ดังนั้นก็จะพบในคนที่อายุเยอะก็ได้คนที่มีอายุมากๆก็จะมีเลือดออกในทางเดินอาหารไม่ว่าจะเป็นกระเพาะหรือว่าลำไส้ก็จะทำให้ซีดลงๆก็จะทำให้มีอาการเหนื่อยมากขึ้นนั่นเองแล้วเราจะรู้ได้ง่ายว่าเรามีภาวะซีดแล้วหรือเปล่าก็ดูง่ายๆว่าให้คุณสังเกตที่มือของตัวเอง

หากมือของเราแดงดีแบบนี้ก็ไม่ซีดแล้วหรือว่าให้ดูที่ดวงตาของเราให้หลานหรือว่าลูกดูก็ได้หรือว่าเราดูในกระจกก็ได้ลองกดตาลงมาถ้าข้างในตาของเราแดงดีก็ไม่ซีดปกติแต่ถ้าดูแล้วว่ามันหายไปเลยไม่เป็นสีแดงกลายมาเป็นสีขาวไปเลยอย่างนี้ก็กลายว่าดวงตาของคุณซีดแล้วและร่วมกับว่าคุณมีอาการหอบเหนื่อยง่ายให้รีบไปพบแพทย์อาจจะต้องได้รับการรักษาต่อไป

 

สนับสนุนโดย.    agplus

bookmark_borderเกล็ดความรู้วัคซีนไฟเซอร์

เกล็ดความรู้วัคซีนไฟเซอร์ สำหรับวัคซีน mRNA เราต้องกระตุ้นเพื่อให้เกิดภูมิเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัส covid 19 โดยอาศัย mRNA ฉีดเข้าไปในร่างกายของเราโดย mRNA นี้เป็น รหัสพันธุกรรมของไวรัสโควิด 19 ในช่วงที่มันสามารถเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างโปรตีนของหนามแหลมที่เรารู้จัก

แต่ถ้าหากว่าเราฉีดวัคซีน mRNA เข้าไปโดยตรงอย่างเดียวเข้าไปมันจะโดนร่างกายของเราทำลายจะไม่สามารถเข้าสู่เซลล์ร่างกายของเราได้ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีไขมันมาหุ้มรอบมันนี่คือลักษณะของ mRNA วัคซีนก็คือมีไขมันมาหุ้มรอบตัว mRNA แล้วก็ฉีดเข้าสู่ร่างกายของเรา

ซึ่งไขมันที่หุ้มรอบจะเป็นตัวนำรหัสพันธุกรรมนี้เข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อเข้าไปกระตุ้นเพื่อให้เกิดโปรตีนหนามแหลมต่อไปเราจะพูดถึงการเก็บวัคซีน วัคซีนไฟเซอร์จะต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิ ลบ 60-80 องศา จะมีอายุยืนยาวจนกระทั่งหมดอายุของวัคซีน

แต่ถ้าหากเก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดาอุณหภูมิ 2-8 องศา จะอยู่ได้ประมาณ 1 เดือนแต่ถ้าหากเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง 25 องศา จะอยู่ได้ 2 ชั่วโมงก่อนที่จะนำเอามาใช้ฉีดให้กับเราจะต้องนำเอาวัคซีนไฟเซอร์ออกมาวางอยู่ข้างนอก

เพื่อให้เกิดการละลายก่อน2 ชั่วโมงถึงจะทำการผสมด้วยน้ำเกลือขนาด 1.8 cc หลังจากนั้นก็ทำการผสม ในการผสมนั้นห้ามเขย่าแรงต้องมีการพลิกไปพลิกมาประมาณ 10 รอบโดยสีของสารในตัวของวัคซีนจะต้องออกเป็นสีขาวหรือขาวนวลและการผสมห้ามเขย่าแรง เพราะการเขย่าแรงจะเกิดการทำร้ายของตัววัคซีน

หลังจากที่ผสมด้วยน้ำเกลือ 1.8 cc ก็สามารถที่จะฉีดได้โดยคนหนึ่งฉีดได้ 0.3 cc ดังนั้นรวมกันเท่ากับใน 1 ขวดสามารถฉีดได้ 6 คน และหลังจากผสมน้ำเกลือแล้วห้ามทิ้งตัวยาเอาไว้เกิน 6 ชั่วโมง จะทำให้หมดอายุ ดังนั้นหลังจากผสมน้ำเกลือเสร็จแล้วต้องรีบฉีดให้หมดทันที 

การฉีดวัคซีนก็คล้ายกับการฉีดวัคซีนตื่นๆก็คือจะต้องฉีด 2 โดส โดยระยะห่างวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 1 กับเข็ม 2 ห่างกันโดยประมาณ 3 สัปดาห์ และต่อมาก็จะเป็นวัคซีนตัวแรกของวัคซีนที่ต่อต้านCovid19 ที่ฉีดได้ในเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 12-16 ปี

โดยวัคซีน covid19 ตัวแรก WHO อนุมัติให้เป็นวัคซีนที่สามารถใช้ได้ในยามภาวะปกติในคนที่อายุมากกว่า 16 ปีขึ้นไปแต่ 12-16 ปี ก็ยังถือว่าเป็นวัคซีนที่ใช้ในยามฉุกเฉิน

นอกจากนี้ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์จากการศึกษาในระยะที่ 3 ก็พบว่าวัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าวัคซีนชนิดอื่นๆแต่อย่างไรก็ตามขอแนะนำนิดนึงว่า95% ในตอนนั้นเป็นสายพานก่อนหน้านี้อาจจะเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม 

ดังนั้นอาจจะเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้เนื่องจากว่าสถานการณ์ปัจจุบันสายพันธุ์โดยส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์เดลต้า

 

สนับสนุนโดย.    aesexy

bookmark_borderสงสัยตัวเองติดเชื้อหรือยังวิธีดูแลตัวเองที่บ้าน

สำหรับหลายๆคนวันนี้คงจะทราบกันแล้วว่าอาการของโควิด-19มันเป็นยังไง สงสัยตัวเองติดเชื้อ มีอาการอะไรบ้างที่ทำให้เราต้องสงสัยโควิดปัญหาก็คือว่าทีนี่ถ้าคุณไปตรวจได้ก็จะดีถ้าคุณตรวจไม่ได้เพราะว่าที่โรงพยาบาลเขาไม่รับตรวจเนื่องจากว่าเขาไม่มีเตียงพอที่จะรับคนไข้เอาไว้จะต้องทำยังไง

ก่อนอื่นเราต้องอธิบายก่อนที่อเมริกาที่ระบาดมากๆเราก็ไม่ได้รับทุกคนเข้าโรงพยาบาลเพราะว่าเรารู้อยู่แล้วว่าไม่ได้เป็นทุกคนที่จะต้องใช้ทรัพยากรในโรงพยาบาลถ้าเราทำแบบนั้นแน่นว่าดรงพยาบาลไม่พอบุคคลากรทางการแพทย์ทำงานไม่พอแน่นอน

การรักษาที่บ้านสำหรับคนที่มีอาการน้อยจึงเป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำแล้วประเทศไทยอาจจะต้องปรับในส่วนนี้ในอนาคตจะทำให้มีการตรวจเพิ่มขึ้นแล้วก็ถ้าอาการไม่มากก็รักษาตัวที่บ้านได้กักตัวที่บ้านได้ ในกรณีที่เราสงสัยว่ามีการอาการได้กับโครวิดแล้วไม่ได้ตรวจเราจะทำยังไงบ้าง

ดังนั้นถ้าเราโทรไปแล้วเขาไม่รักตรวจไม่รับอะไรเลยวิธีขั้นแรกสุดก็คือถ้าเรารู้ว่าเราเริ่มมีอาการให้เราแยกตัวเองออกมาอยู่ตัวเดียวเช่นในบ้านหากอยู่กันหลายๆคนให้เราไปห้องห้องใดห้องหนึ่งก็ได้อยู่ไปเลยคนเดียวอย่าให้ใครเข้าไปใกล้ห้องนั้นอย่ารับประทานอาหารร่วมกันเด็ดขาดให้จัดอาหารแยกไว้หรือเอามาวางหน้าห้อง

เมื่อเขาไปแล้วเรากค่อยออกมากินหรือเอาเข้าไปกินในห้องของทุกอย่างล้างเองห้ามไปใช้รวมกับเขาแล้วเราใช้เสร็จแล้วเอามาวางหน้าห้องแล้วให้ครอบครัวตักอาหารมาให้แบบนี้เป็นต้นเราจะได้ไม่มีการแพร่เชื้อไปให้คนอื่นการซักเสื้อผ้าเราควรจะแยกต่างหากซักเองจะไปให้คนอื่นซักรวมกับคนอื่นเขา

เพราะว่าบางครั้งเราใส่กระตร้าเดียวกันคนอื่นมาจับคนที่เขาไม่ติดก็มีโอกาสติดกันได้ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาและอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆคือห้องน้ำถ้าคุณมีห้องน้ำสองห้องห้องนั้นก็เป็นของคุณไปเลยอย่าไปใช้ร่วมกันแต่ถ้ามีห้องเดียวให้บ่งเวลาใช้ให้ชัดเจน

แน่นอนแล้วว่าให้ทิ้งช่วงเวลาถ้าคุณเข้าไปในห้องน้ำเสร็จออกมาแล้วก็ควรจะเว้นระยะเวลาอย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมงให้อากาศทุกอย่างมันถ่ายเทก่อนเพราะว่าแน่นอนคนเข้าห้องน้ำมันจะมีกี่คนที่จะสวมใส่หน้ากากแล้วแน่นอนว่าตอนอาบน้ำก้ไม่มีใครที่จะใส่หน้ากาก

เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะทำให้คนอื่นเขาติดเชื้อมากขึ้นดังนั้นเราควรที่จะทำให้ภายในห้องน้ำมีอากาศถ่ายเทมาที่สุดก่อนที่จะเข้าไปทำภาระกิจ

 

สนับสนุนโดย.    สูตรหวยยี่กี หวยดี

bookmark_borderอาการสร้างภูมิคุ้มกันช่วงโควิด

ซึ่งเราจะมาคุยถึงเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันปัจจัยในช่วง covid 19 ถ้าเราคุยกันถึงโลกไปนี้หรือใครที่ได้ยินข่าว อาการสร้างภูมิคุ้มกันช่วงโควิด ในตอนนี้ก็จะเป็นในส่วนของวัคซีนแต่ว่ามันไม่ใช่มีแค่เพียงทางเดียวมันมีอยู่อีกหลายทางที่เราจะนำมาเสนอ 

อันดับแรกเลยก็คือ ภูมิคุ้มกันที่จมูกปากและก็คอ เพราะว่าจริงๆแล้วเชื้อไวรัส covid-19 นั้นมันไม่ทันกระโดดเข้าไปในเลือดทันทีดังนั้นเชื้อไวรัส covid-19 มันก็จะค่อยๆเข้าไปตามผิวหนังหรือว่าอยู่ตามโต๊ะตามช้อนกินข้าวของเราบ้างเราเอาเข้าปากหรือว่าสูดดมเข้าไปแบบนี้ 

พอเราเอาเข้าปากเสร็จแล้วมันก็จะเข้าไปที่จมูกของเราก่อนเมื่อมันเข้าไปทางจมูกแล้วมันก็จะค่อยๆไล่เข้าไปจนลงเข้าไปถึงปอดของเราเชื้อโรคนั้นมันมีขนาดเล็กมากแต่ระยะเวลามันช่างไกลแสนไกลสำหรับเชื้อโรคนั้นมันไกลมากเชื้อโรคนั้นมันมองไม่เห็นลองคิดดูว่าจากจมูกลงมาหาปอดมันไกลมากเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นแล้วภูมิคุ้มกันที่ดีมากๆเลยสำหรับป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19 คือช่วงจมูกและปากก่อนที่จะถึงปอดของเราจึงจะต้องมีเมือกที่ดี เมือกในตรงนี้หมายถึงคือน้ำตาน้ำมูกและน้ำลายเราก็เป็นยาฆ่าเชื้อได้เหมือนกันและเมื่อที่คอบริเวณต่อมทอมซินAudit นอยด์โพธิ์ไทรนัดมันจะเป็นเยื่อบางๆที่คอยเราอยู่ตรงบริเวณหลอดอาหารของเราหรือแม้แต่หลอดลมของเราพวกนี้มันก็จะมีเมือกๆเยอะๆหรือแม้แต่ปอดของเรา

โดยเมือกกล่าวนี้มันก็จะเป็นเหมือนยาฆ่าเชื้อและจะมีอาวุธที่เป็นเม็ดเลือดขาวอยู่เยอะมากเลยเอาไว้ฆ่าเชื้อโรคไวรัส covid-19 ได้ ดังนั้นแล้วภูมิคุ้มกันอันดับแรกเลยก็คือที่บริเวณปอดเราจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นของทอดอาหารอะไรที่รับประทานแล้วเจ็บคออย่างเช่นพวกขนมกินเข้าไปแล้วมีความรู้สึกว่าเจ็บคอหรืออาหารที่กินเข้าไปแล้วมีความรู้สึกว่าร้อนในปากในคอน้ำมูกไหลเป็นประจำ

เวลากินอาหารประเภทนี้แล้วมีน้ำมูกไหลอยู่เป็นประจำในระยะนี้ให้คนหลีกเลี่ยงรับประทานของเรานั้นไปก่อนแบบนี้มันไม่โอเคฉะนั้นแล้วอาหารที่กินแล้วมันเกิดสร้างภูมิคุ้มกันที่บริเวณปลอดของเราคือพวกอาหารที่มีวิตามินซีเช่นพวกมะขามป้อมสมอมะขามส้มโอส้มเขียวหวานหรือว่าจะเป็นน้ำมะกรูดจะทำให้ช่วงบริเวณปากและลำคอสะอาดหรือแม้แต่การอมน้ำเกลือก็ฆ่าเชื้อโรคได้ก็จะทำให้เมื่อที่บริเวณป่าของเราดีขึ้นได้

ซึ่งจะทำให้เม็ดเลือดขาวของเราแข็งแรงที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่แค่เพียงเม็ดเลือดขาวอย่างเดียวเม็ดเลือดแดงน้ำเลือดน้ำเหลืองของเราแข็งแรงให้ได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  huaydee

bookmark_borderการดูแลตนเองเมื่อติด covid-19  แล้วต้องอยู่บ้าน

        การดูแลตนเองเมื่อติด covid   สถานการณ์ในตอนนี้นั้นประเทศไทยมีจำนวนคนติดเชื้อไวรัส covid พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและสิ่งที่ตามมาก็คือสถานประกอบการโรงพยาบาลต่างๆไม่มีเพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยที่จะเข้ารักษาอาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้นสิ่งที่เราทำไร่ก็คือทำเรื่องประสานงานขอจองคิวเตรียมเอาไว้

และในระหว่างนั้นก็คือต้องอยู่บ้านกักตัวเองเรามาดูกันว่าถ้าหากเราติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วเราต้องอยู่บ้านเราจะต้องดูแลตัวเองอย่างไรเพื่อไม่ให้เชื้อของเรานั้นแพร่กระจายให้กับคนในครอบครัวของเรา 

วิธีการดูแลตนเองนั้นสามารถทำได้ 3 อย่างด้วยกันโดยแบ่งเป็นแยก งด และทำ 

    สำหรับหัวข้อแยกก็คือคุณจะต้องปลีกตัวของคุณเองออกมาจากทุกคนในครอบครัวเช่นคุณจะต้องอยู่ในห้องของคุณห้ามออกมาเดินนอกห้องอย่างเด็ดขาด ที่สำคัญการอยู่ในห้องนั้นคุณควรจะทำให้อากาศในห้องของคนถ่ายเทด้วยการเปิดหน้าต่างให้ลมโกรกแทนการใช้แอร์และคุณจะต้องใช้เข้าของใช้ส่วนตัวของคุณแยกจากคนอื่น

ไม่ว่าจะเป็นจานชามหรือเสื้อผ้ารวมถึงการเข้าห้องน้ำด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ก็อย่าที่คุณใช้งานแล้วคุณก็ต้องมีการทิ้งได้จากคนในครอบครัวอีกด้วยเรียกว่าการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนนั้นคงจะต้องใช้ทุกอย่างด้วยตัวของคุณคนเดียวห้ามใช้ร่วมกับคนกับคนอื่นหรือแม้แต่ห้ามมานั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันกับคนในครอบครัวของคุณนั่นเอง

       สำหรับหัวข้อต่อมาคืองด  ซึ่งการงดก็คืองวดที่จะออกนอกบ้านไปเจอเพื่อนฝูงงดการนัดพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารงดเดินทางไปไหนมาไหน งดสัมผัสสิ่งของต่างๆที่จะต้องมีการใช้งานร่วมกับคนอื่นเช่นการสัมผัสลิฟท์หรือการจับปากกาเป็นต้น   สำหรับใครก็ตามที่อยู่ห้องเช่าคนเดียวและจำเป็นต้องหาอาหารมากินก็งดออกไปซื้อไปให้ใช้เป็นลักษณะของการเดลิเวอรี่ส่งอาหารมาให้ที่บ้านแทน

         สำหรับหัวข้อต่อมาก็คือถ้า  สิ่งที่คุณทำได้เวลาที่คุณต้องปรับตัวเองอยู่ที่บ้านก็คือคนใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่คุณต้องเจอกับคนในครอบครัวของคุณเองและคุณจำเป็นที่จะต้องล้างมือบ่อยๆเมื่อหยิบจับสิ่งของทุกครั้งที่ล้างมือจะต้องมีการล้างด้วยน้ำสบู่และที่สำคัญถ้าคุณเข้าห้องน้ำเมื่อขับถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว

คุณจะต้องมีการทำความสะอาดห้องน้ำทุกครั้งพักผ่อนให้เพียงพอดื่มน้ำสะอาดเยอะๆและที่สำคัญกินอาหารให้มีประโยชน์ครบ 5 หมู่แน่นอนว่าคุณจะต้องมีการตรวจวัดไข้ของคุณเองโดยคุณควรพกที่ตรวจวัดไข้ติดตัวอยู่ตลอดเวลาหาอะไรทำระหว่างที่รอรถจากโรงพยาบาลมารับ ไม่พยายามทำให้ตัวเองเครียดเพียงแค่นี้คุณก็สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามปกติแล้ว

 

สนับสนุนโดย.  หวยดี

bookmark_borderสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับวิตามินซีก่อนกิน 

    สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับวิตามินซีก่อนกิน ก่อนที่เราจะทานวิตามินซีนั้นเราควรจะต้องรู้เกี่ยวกับวิตามินซีเบื้องต้นก่อนเพื่อที่เราจะได้ทานวิตามินซีได้อย่างถูกต้องและส่งผลดีต่อร่างกายของเราซึ่งสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องของวิตามินซีมีเพียง 3 ข้อใหญ่ๆเท่านั้นนั่นก็คือ

     ข้อเสียจากการทานวิตามินซีมากเกินไป 

โดยถ้าหากเรากินวิตามินซีมากเกินไปนั้นเราจะมีอาการอาการปวดท้อง  หรือไม่ก็แสบท้องบางคนอาจจะมีอาการอาเจียนร่วมด้วย  เพราะโดยปกติแล้วเราไม่ควรกินวิตามินซีเกิน 3000 มิลลิกรัมต่อวันเพราะส่วนที่เกินมานั้นร่างกายไม่สามารถดูดซึมเอาไว้ใช้งานได้ต้องมีการขับถ่ายทิ้งออกมาทางปัสสาวะอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุที่ทำให้เราปวดท้องหรือแสบท้องจากการวิตามินซีมากเกินไปนั่นก็เพราะว่าโดยปกติและวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรดถึงแม้ว่าจะเป็นกรดอ่อนๆแต่ถ้ามีปริมาณที่มากก็สามารถส่งผลต่อกระเพาะอาหารของเราได้นั่นเอง 

       สำหรับวิตามินซีนั้นเราสามารถได้มาจากธรรมชาติได้

ซึ่งก็เกิดจากการที่เรากินผักหรือผลไม้นั่นเองแต่ถ้าหากเราต้องการเสริมสร้างคุณสมบัติอื่นๆให้เพิ่มมากขึ้นอย่างเช่นสร้างภูมิคุ้มกันให้คนที่เป็นหวัดนั้นหายเร็วหรืออยากจะช่วยให้ดูแลเกี่ยวกับเรื่องของผิวพรรณเราสามารถกินวิตามินซีเสริมได้ส่วนการกินนั้นเราต้องกินวิตามินซีระหว่างมื้ออาหารเพื่อที่วิตามินซีนั้นจะได้ไม่เข้าไปกัดกระเพาะอาหารของเราหรือทางที่ดีที่สุดกินอาหารเสร็จแล้วก็รีบกินวิตามินซีตามไปเลยก็ได้ 

              ที่สำคัญนั้นการเลือกทานวิตามินซีนั้นไม่ควรที่จะเลือกทานวิตามินซีที่มี มิลลิกรัม มากจนเกินไปเพราะท้ายที่สุดแล้วร่างกายของเรานั้นก็สามารถดูดซึมได้น้อยอยู่แล้ว ต่อให้เรากินวิตามินซีเยอะมากแค่ไหนร่างกายของเราก็ดูดหมดยิ่งเรากินวิตามินซีในปริมาณมากเท่าไหร่ร่างกายของเราก็ดูดซึมได้น้อยยกตัวอย่างเช่นถ้าหากเรากินวิตามินซีปริมาณ 3000 mg ร่างกายของเราก็จะดูดซึมได้แค่ประมาณ 10 % เพียงเท่านั้น

หรือถ้าหากเรากินวิตามินซีในปริมาณ 2000 มิลลิกรัมร่างกายของเราก็จะดูดซึมได้แค่เพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเรียกว่ายิ่งกินวิตามินซีที่มีปริมาณมากก็จะยิ่งดูดซึมได้น้อยลงนั่นเอง ดังนั้นเราควรกินวิตามินซีในปริมาณที่ mg น้อยๆเพื่อที่ร่างกายของเราจะได้ดูดซึมได้ทั้งหมดไม่ต้องขับออกทิ้งจากร่างกาย

             แล้วถ้าหากอยากจะให้ได้ผลดีจากการกินวิตามินซีก็ควรจัดเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็นหรืออุณหภูมิห้องไม่ควรจัดเก็บไว้ในที่ร้อนและไม่ควรให้วิตามินซีถูกแสงแดดเพราะจะทำให้สารอาหารของวิตามินซีนั้นเสื่อมสภาพลง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เว็บหวย จ่าย บาทละ 97

bookmark_borderกินกึ่งสุกกึ่งดิบ เน้นกินรสจัด ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ของกินกึ่งสุกกึ่งดิบ

กินกึ่งสุกกึ่งดิบ ของกินที่ปรุงไม่สุกมักจะมีความเสี่ยงต่อการมีพยาธิ แล้วก็เชื้อโรคต่าง ๆที่อยู่ในอาหาร ไม่มีความร้อนในการจัดการ ฆ่าเชื้อ จะเพิ่มการเสี่ยงส่งผลให้เกิดโรคพยาธิ รวมทั้งกลายเป็นโรคทางเดินอาหาร ได้อีกด้วย

การเลือกกินอาหารรสจัดต่าง ๆ มากเกินความจำเป็น

– ของกินรสหวาน เมื่อรับประทานอาหารที่มีรสหวานบ่อย ๆ ก็จะก่อให้เกิดเบาหวาน ด้วยเหตุว่าการได้รับน้ำตาลเยอะเกินไป ร่างกายจะไม่อาจควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ และก็จะมีผลให้ร่างกายได้รับพลังงานมากจนเกินไป ทำให้เกิดโรคอ้วน และก็เพิ่มอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และโรคไตได้อีกด้วย

– ของกินรสเผ็ดจัด ก็ทำให้มีการเกิดการระคายเคืองในกระเพาะได้อย่างเดียวกัน นอกเหนือจากนี้ของกินรสเผ็ด พวกเครื่องแกงมักมีส่วนผสมของเกลือ ผงชูรส ซึ่งมีโซเดียมอยู่เยอะ จึงมีโอกาสเสี่ยงสำหรับการเป็นโรคไต

– ของกินรสเค็ม เมื่อร่างกายมีจำนวนโซเดียมจากเกลือสูงขึ้น ร่างกายจะขับออกทางฉี่ นำมาซึ่งการทำให้พวกเรารู้สึกคอแห้ง หิวน้ำ ร้อนใน และอาจเป็นมากถึงขนาดสภาวะขาดน้ำได้ นอกเหนือจากนี้ รสเค็มจะมีผลให้เลือดภายในร่างกายไหลเวียนช้าทำให้ภาวะความดันโลหิตสูง

– ของกินรสเปรี้ยว ทำให้เสี่ยงท้องเสีย เป็นร้อนในได้ง่าย ๆ และก็ระบบน้ำเหลืองมีปัญหา ก็เลยทำให้แผลหายช้า

อาหารบำรุงสุขภาพ

  1. มานูก้าฮันนี่ หรือน้ำผึ้งมานูก้า

เป็นน้ำผึ้งแท้ 100% จากนิวซีแลนด์ที่ถูกเรียกว่า เป็นน้ำผึ้งที่เหมาะสมที่สุดในโลก โดยจากการศึกษาวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำผึ้งมานูก้ามีคุณลักษณะที่เหนือกว่าน้ำผึ้งทั่ว ๆ ไปสำหรับเพื่อการบำรุงผิว ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทานของร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยต้านทานแบคทีเรียแล้วก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ยิ่งกว่านั้นในน้ำผึ้งมานูก้ายังประกอบไปด้วยกรดอะมิโน 16 จำพวก รวมถึงแร่ต่าง ๆ จำนวนมาก ก็เลยมีส่วนช่วยสำหรับการเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยทำให้เกิดสมดุลในระบบที่ทำหน้าที่ในการย่อยอาหาร แก้ท้องผูก บำรุงเลือด บรรเทาอาการนอนไม่หลับ ทุเลาอาการไอ รวมทั้งยังช่วยลดความร้ายแรงของโรคกรดไหลย้อนได้ด้วย

  1. โสมประเทศเกาหลี

โสมประเทศเกาหลีเป็นที่ยอมรับในวงกว้างว่าเป็นโสมที่ดีเยี่ยมที่สุด เพราะเหตุว่าอัดแน่นไปด้วยคุณค่าต่อสุขภาพร่างกาย เนื่องจากมีสารสำคัญอย่างจินเซนโนไซด์ ซึ่งเป็นสารที่ช่วยบำรุงรักษาสุขภาพโดยตรง อีกทั้งช่วยทำให้เกิดสมดุลร่างกายตามธรรมชาติ ช่วยสนับสนุนแนวทางการทำงานของไต มีส่วนช่วยสำหรับการกำจัดพิษในตับ ช่วยทำนุบำรุงสมอง และก็ระบบประสาท ช่วยสร้างเสริมความจำ ทุเลาความเคร่งเครียด ช่วยลดปริมาณน้ำตาลภายในเลือด แถมยังมีส่วนช่วยให้ร่างกายแคล่วคล่องว่องไว รวมทั้งยังเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้ผิวพรรณอ่อนกว่าวัยด้วย

 

จะมองเห็นได้ว่า ของกินบางประเภทก็ทำลายสุขภาพ และของกินบางประเภทก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของพวกเราจำนวนมากเลยทีเดียว ดังนั้นจึงควรเลือกกินให้ดี ๆ รวมถึงหมั่นบริหารร่างกาย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

 

สนับสนุนโดย.  lovebet999