bookmark_borderพฤติกรรมที่ทำให้เรามีพุง

ถึงแม้ว่าในสมัยปัจจุบันนี้ การออกกำลังกาย หรือการลดน้ำหนักนั้นจะได้รับความนิยมมากแค่ไหนก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถออกกำลังกายหรือลดน้ำหนักได้ เพราะการใช้ชีวิตของคนเรานั้นค่อนข้างที่จะมีความแตกต่างกันออกไป บางคนอาจมีเวลาเหลือเพื่อที่จะได้ออกไปทำกิจกรรมอื่น ๆ แต่กับบางคนเวลาอาจเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ

พฤติกรรมที่ทำให้เรามีพุง ในการทำงาน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในสมัยปัจจุบันนี้การลดน้ำหนัก้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่คนส่วนใหญ่นั้นให้ความสนใจ

แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ว่าเราจะออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักมากแค่ไหนก็ตาม แต่ในความเป็นจริงเราอาจมีพฤติกรรมที่ทำแล้วส่งผลให้เราอ้วน หรือมีพุงได้ง่าย ซึ่งพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่นั้นค่อนข้างที่จะทำและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันจะทำให้เรานั้นอ้วนได้ง่าย อย่างไรก็ตาม เรามาดูกันดีกว่า

มีพฤติกรรมไหนบ้างที่เราทำแล้วอาจทำให้เรามีพุง หรืออ้วนได้ง่าย เผื่อว่าคนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยง และป้องกันตนเองได้ ไปดูกันเลย 

พฤติกรรมการติดน้ำอัดลม เนื่องจากน้ำอัดลมนั้นจะเต็มไปด้วยแก๊สที่ค่อนข้างเยอะ และยังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เรานั้นอ้วนลงพุงได้ง่ายอีกด้วย ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกามากแค่ไหนก็ตาม แต่หากเรายังดื่ม หรือติดการดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำอยู่นั้น ก็อาจทำให้การลดพุงของเราไม่เป็นผลดีได้ อีกทั้งยังอาจทำให้รอบเอวของเรานั้นเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย 

พฤติกรรมความเครียด หลายคนอาจจะรู้ทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า ความเป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความอ้วน เพราะการที่เรามีความเครียดที่สะสมมากเกินไปก็อาจทำให้เราอ้วนได้ เนื่องจากหากเราเครียดร่างกายจะทำการผลิตสารที่ทำให้เรามีความอยากอาหารที่สูงมากขึ้น  หวยดี   โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารมัน ๆ ทอด ๆ หรือของหวานนั่นเอง ดังนั้น การที่เรามีพฤติกรรมความเครียดบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เรานั้นเสี่ยงต่อการอ้วนลงพุงได้เช่นกัน 

พฤติกรรมการทานโซเดียมมากเกินไป แน่นอนว่าโซเดียมอาจส่งผลให้ร่างกายของเรานั้นเกิดการบวมได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจทำให้ร่างกายของเรานั้นเกิดการกักเก็บปริมาณน้ำไว้เยอะและไปเกาะอยู่ตามรอบเอวได้ ดังนั้น พฤติกรรมนี้ก็ถือเป็นพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่มักที่จะชอบทำกัน เพราะเราก็ไม่สามารถที่จะทำการหลีกเลี่ยงอาหารรสชาติดังกล่าวได้ แต่ถึงอย่างไรก็ควรที่จะเลือกทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปเพื่อป้องกันร่างกายไม่ให้มีการกักเก็บปริมาณน้ำเยอะเกินไป 

bookmark_border3 วิธีบรรเทาอาการปวดประจำเดือน

ปัจจุบันนี้เชื่อว่าสาว ๆ ส่วนใหญ่มักที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดประจำเดือนกันอย่างแน่นอน เพราะเรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่สาว ๆ ส่วนใหญ่นั้นมักที่จะพบเจอกันในทุก ๆ เดือน ซึ่งปัจจุบันนี้สาว ๆ ส่วนใหญ่ที่เวลามีประจำเดือน ต่างคนก็จะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป เกิดเป็นผู้หญิงนี้มันช่างลำลากยิ่งนัก แต่ก็นั่นแหละ

มันเป็นสิ่งที่เราจะต้องรับมือในทุก ๆ เดือน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเป็นประจำเดือน นอกจากอาการปวดท้องแล้ว ยังพบว่าสาว ๆ ส่วนใหญ่อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น อาการขี้หงุดหงิด อาการเครียด อาการหิวตลอดเวลา เบื่อง่าย ขี้เหวี่ยง รวมไปถึงอาการอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งอาการต่าง ๆ

วิธีบรรเทาอาการปวดประจำเดือน เหล่านี้มักที่จะพบเจอในส่วนน้อยเท่านั้น แต่ทั้งนี้ สำหรับสาว ๆ คนไหนที่กำลังมีปัญหากับการเป็นประจำเดือน โดยเฉพาะอาการปวดท้อง วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีการบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนด้วยวิธีง่าย ๆ รับรองได้เลยว่าหากใครที่มีอาการปวดท้อง แล้วทำตาม

วิธีดังกล่าวจะต้องช่วยบรรเทาอาการได้ดีอย่างแน่นอน จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้น ไปดูกันเลย 

การดื่มน้ำเยอะ ๆ การที่ร่างกายของเรานั้นได้รับปริมาณน้ำเยอะ ๆ แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระหว่างการมีประจำเดือน เพราะการดื่มน้ำเยอะ ๆ นั้น เชื่อหรือไม่ว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้เป็นอย่างดี ซึ่งน้ำจะช่วยกระตุ้นกระบวนการไหลเวียนเลือดได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่น ๆ จะยิ่งดี เพราะจะได้ช่วยในการป้องกันไม่ให้เลือดของเราเกาะตัวเป็นก้อนนั่นเอง ฉะนั้นแล้ว สำหรับใครที่มีอาการปวดท้องบ่อย ๆ ในระหว่างการมีประจำเดือน แนะนำให้เลือกดื่มน้ำเยอะ ๆ รับรองว่าช่วยได้อย่างแน่นอน 

การดื่มน้ำขิง ถึงแม้ว่าน้ำขิงจะมีส่วนช่วยในการแก้อาการหวัด หรือแก้อาการเจ็บคอได้เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่าสรรพคุณอีกอย่างหนึ่งของน้ำขิงคือ สามารถช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะมีรสชาติที่ไม่ถูกปากใครหลาย ๆ คน หรืออาจมีรสชาติที่เผ็ดร้อน  alpha88     แต่สรรพคุณนั้นเยอะมาก ๆ ซึ่งน้ำขิงนั้นจะมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยลดการเกร็งของกล้ามเนื้อได้ แถมยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดดีอีกด้วย ดังนั้น หากร่างกายของเราได้รับน้ำขิงอุ่น ๆ เข้าไปรับรองได้เลยว่าคุณจะลืมอาการปวดท้องไปเลย 

การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ก็ย่อมส่งผลดีต่อร่างกาย สาว ๆ คนไหนที่มักมีอาการปวดท้องปะจำเดือน ของบอกเลยว่าการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำ ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถลดอาการปวดประจำเดือนได้ ฉะนั้น ถึงแม้ว่าในระหว่างที่เราเป็นประจำเดือนจะทำให้อาหารนั้นดูน่ารับประทาน แต่ทางที่ดีเราก็ควรที่เลือกทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่ออาการปวดประจำเดือนของเรา 

bookmark_border3 ข้อดีที่จะเกิดขึ้น เมื่อคุณงดน้ำตาล

รู้หรือไม่ว่าน้ำตาล เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของเรานั้นเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งปกติแล้วอาหารรสชาติหวาน เป็นอาหารที่หลาย ๆ คนนั้นชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คนอีกด้วย

เมื่อคุณงดน้ำตาล จนส่งผลให้คนนั้นเสพติดการรับประทานอาหารรสชาติหวานเลยก็ได้ ถึงแม้ว่าอาหารที่มีรสชาตหวานจะเป็นอาหารรสชาติโปรดของใครหลาย ๆ

คนนั้น รู้หรือไม่ว่าหากเราทานมาก ๆ ก็อาจส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อร่างกายของเราได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลให้ร่างกายมีโอกาสเสี่งต่อการเกิดโรคได้ง่าย การทานหวานเป็นประจำนั้น ยังอาจทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบต่าง ๆ โดยตรงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่กำลังชื่นชอบการทานอาหารที่มีรสชาติหวาน อยากให้ทุกคนรู้ว่า อาหารรสชาติหวานนั้นไม่ได้มีประโยชน์ต่อร่างกายเสมอไป ดังนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับข้อดีที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกาย

เมื่อเรางดทานอาหารรสชาติหวาน หรือการทานงดน้ำตาล จะมีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเราบ้าง ไปดูกันเลย 

ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าน้ำตาล เป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญในการล่อเลี้ยงมะเร็ง และยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้ลุกลามจนกลายเป็นโรคมะเร็งได้ ยิ่งถ้าเราทานมาก ๆ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้หยุดการทานน้ำตาล ก็จะทำให้ร่างกายของเรานั้นตัดต้นต่อในการเจริญเติบโตของมะเร็งได้ แถมยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้อีกด้วย ดังนั้น หากเราทำแบบนี้เป็นประจำก็จะยิ่งดีต่อสุขภาพร่างกายเรา

ช่วยให้สุขภาพตับดีขึ้น นอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจส่งผลเสียต่อตับของเราแล้วนั้น รู้หรือไม่ว่าน้ำตาลก้เป้นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำร้ายตับของเราได้เช่นกัน ดังนั้น การลด หรือเลิกการทานอาหารที่มีรสชาติหวาน การลดน้ำตาล จะช่วยให้ร่างกายของเรามีสุขภาพตับที่ดีมากยิ่งขึ้น  และยังส่งผลให้ตับของเรานั้นทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถลดการตกค้างของสารพิษ ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย 

ช่วยให้ฟันแข็งแรงมากขึ้น รู้หรือไม่ว่าน้ำตาล เป็นอาหารชั้นยอดขอแบคทีเรียเลยก็ว่าได้ ยิ่งถ้าเราทานเยอะ ๆ ก็จะยิ่งทำให้แบคทีเรียในช่องปากของเรานั้นเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปาก อย่างไรก็ตาม การลดน้ำตาล จะช่วยให้เราลดปัญหาช่องปากได้ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ลดกลิ่นปาก ลดเหลือกอักเสบ รวมไปถึงคราบหินปูนต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือ หากเรางดการทานก็จะยิ่งทำให้สุขภาพช่องปากของเรานั้นดีมากยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้ฟันแข็งแรงอีกด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  มั่งมีหวย

bookmark_borderการติดการพนันอาจสูงกว่าการอ้างสิทธิ์ในอุตสาหกรรมถึงเก้าเท่า

การศึกษาสถานที่สำคัญพบว่า 1.4 ล้านคนได้รับอันตรายและ 1.5 ล้านคนที่มีความเสี่ยงในขณะที่รัฐบาลพร้อมที่จะเปิดเผยการปฏิรูป

อัตราการติดการพนันอาจสูงกว่าการอ้างสิทธิ์ของอุตสาหกรรมการพนันถึงเก้าเท่า จากการศึกษาครั้งสำคัญที่พบว่าผู้คน 1.4 ล้านคนกำลังได้รับอันตรายจากการพนันของตนเอง ในขณะที่อีก 1.5 ล้านคนมีความเสี่ยง เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนของรัฐบาลจากการเปิดเผยแผนการปฏิรูปกฎหมายการพนันแบบครั้งเดียวในรุ่น การสำรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันโดยองค์กรการกุศลชั้นนำ GambleAware เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นแสวงหาการรักษา

การสำรวจออนไลน์ของผู้ใหญ่มากกว่า 18,000 คนดำเนินการในปี 2564 พบว่ามากถึง 2.8% ของประชากรทำคะแนนแปดหรือสูงกว่าในดัชนีความรุนแรงของการพนันที่เป็นปัญหา ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อวัดอันตรายที่นักพนันแต่ละคนได้รับ อัตราเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในผู้ชาย โดย 3.7% ถือว่ามีปัญหาและ 7.5% มีความเสี่ยง ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ชายมากกว่า 10 คนกำลังดิ้นรนกับการพนันหรือตกอยู่ในอันตรายจากการทำเช่นนั้น ในบรรดาผู้หญิงอัตราการติดยาเสพติดอยู่ที่ 2% โดย 4% อยู่ในประเภทที่มีความเสี่ยง

อัตราการติดการพนันอาจสูงกว่าการอ้างสิทธิ์ของอุตสาหกรรมการพนันถึงเก้าเท่า จากการศึกษาครั้งสำคัญที่พบว่าผู้คน 1.4 ล้านคนกำลังได้รับอันตรายจากการพนันของตนเอง ในขณะที่อีก 1.5 ล้านคนมีความเสี่ยง เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนของรัฐบาลจากการเปิดเผยแผนการปฏิรูปกฎหมายการพนันแบบครั้งเดียวในรุ่น การสำรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันโดยองค์กรการกุศลชั้นนำ GambleAware เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นแสวงหาการรักษา

การสำรวจออนไลน์ของผู้ใหญ่มากกว่า 18,000 คนดำเนินการในปี 2564 พบว่ามากถึง 2.8% ของประชากรทำคะแนนแปดหรือสูงกว่าในดัชนีความรุนแรงของการพนันที่เป็นปัญหา ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อวัดอันตรายที่นักพนันแต่ละคนได้รับ อัตราเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในผู้ชาย โดย 3.7% ถือว่ามีปัญหาและ 7.5% มีความเสี่ยง ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ชายมากกว่า 10 คนกำลังดิ้นรนกับการพนันหรือตกอยู่ในอันตรายจากการทำเช่นนั้น ในบรรดาผู้หญิงอัตราการติดยาเสพติดอยู่ที่ 2% โดย 4% อยู่ในประเภทที่มีความเสี่ยง

ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะอยู่ในกลุ่ม 6% ของประชากรหรือ 3.3 ล้านคนซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม “ผู้ได้รับผลกระทบ” ซึ่งหมายความว่าการพนันของคนอื่นมีผลกระทบต่อพวกเขา แม้จะมีอัตราที่สูงจากการสำรวจ แต่มีเพียง 8,490 คนเท่านั้นที่ได้รับการรักษาจาก National Gambling Treatment Service (NGTS) เมื่อปีที่แล้ว GambleAware กล่าว โดยแนะนำว่าสำหรับทุกคนที่ได้รับความช่วยเหลือ 160 คนที่ได้รับประโยชน์จากมันไม่ได้ NGTS ประกอบด้วยบริการต่างๆ เช่น GamCare, Gordon Moody และ Primary Care Gambling Service ที่เสนอการรักษาที่เป็นความลับและการสนับสนุนสำหรับผู้ที่ประสบอันตรายจากการพนันหรือมีปัญหาในการพนัน เก้าใน 10 คนที่เสร็จสิ้นการรักษาโดยบริการ NGTS เห็นว่าอาการของพวกเขาดีขึ้น GambleAware กล่าว

ประมาณการของ YouGov ว่า 2.8% ของผู้คนกำลังประสบอันตรายจากการพนันนั้นสูงกว่าอัตรา 0.3% ที่พบโดยการสำรวจทางโทรศัพท์ของคณะกรรมาธิการการพนันถึงเก้าเท่า ซึ่งเป็นมาตรการที่ผู้ทำการแนะนำชักชวนชักชวนในอุตสาหกรรมการพนันบ่อยครั้งเพื่อระบุว่าการเสพติดกำลังลดลง ตัวเลข YouGov ยังห่างไกลจาก 0.5% ที่พบในการศึกษาแบบตัวต่อตัวสำหรับ NHS ในปี 2559

GambleAware กล่าวว่าสิ่งนี้น่าจะเกิดจากระเบียบวิธีปฏิบัติ เนื่องจากผู้ที่มีส่วนร่วมในการสำรวจออนไลน์อาจมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาในการเล่นการพนันอย่างไม่เป็นสัดส่วน อย่างไรก็ตาม มันกล่าวว่าในขณะที่ตัวเลขของ YouGov มีแนวโน้มที่จะอยู่ที่ “ขอบเขตบน” ของอัตราการเสพติดที่แท้จริง การสำรวจได้รับการควบคุมอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลเบ้ องค์กรการกุศลแนะนำว่าการสำรวจอื่นๆ อาจประเมินตัวเลขที่แท้จริงต่ำไป

 

สนับสนุนโดย.  aesexy

bookmark_borderดนตรีบำบัดกับโรคซึมเศร้า

ดนตรีบำบัดกับโรคซึมเศร้า หลายครั้งเรามักจะเข้าใจและได้รับความรู้มาว่าดนตรีนั้นสามารถช่วยบำบัดและทำให้จิตใจผ่อนคลายได้ ในบางครั้งที่เรานั้นต้องการลดความเครียดหรือหลีกหนีความวุ่นวาย ต้องการความสงบเราก็มักจะใช้ดนตรีเสียงเพลงนั้นขับกล่อมให้เรานั้นได้รู้สึกผ่อนคลายความเครียดและความกังวลได้มากขึ้น

แต่การทำดนตรีบำบัดนั้นหลายคนอาจจะเข้าใจว่าสามารถทำได้ด้วยตัวเองเพียงเราได้ฟังเพลงที่ชอบหรือฟังเพลงที่มีเนื้อหาดนตรีที่ผ่อนคลายก็สามารถทำให้เรานั้นลดความเครียดได้ แต่ความจริงแล้วนั้นในการทำดนตรีบำบัดจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการทำเพราะความแตกต่างในการบำบัดนั้นมีความแตกต่างออกไปในตัวแต่ละบุคคลนั่นเอง

สำหรับดนตรีทั่วไปและดนตรีบำบัดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในส่วนของสปามิวสิคที่หลายๆคนนั้นมักจะเข้าใจว่าการทำสปามิวสิคือดนตรีบำบัดแต่ความเป็นจริงนั้นดนตรีเหล่านี้มีหลาประเภทเพราะไม่ได้ทำให้จิตใจผ่อนคลายเท่านั้นในบางครั้งก็อาจจะปลุกใจให้หึกเหิมก็ได้และสปามิวสิคนั้นเป็นเพียงดนตรีกลุ่มเล็กที่ทำให้เกิดความผ่อนคลาย

ดังนั้นแล้วเพื่อสุขภาพจึงถูกแยกออกจากดนตรีบำบัดอย่างสิ้นเชิงและในการทำดนตรีบำบัดการมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำดนตรีบำบัดด้วย

ดนตรีบำบัดโรคซึมเศร้า สามารถช่วยให้โรคซึมเศร้าหายได้ แต่ก็จะต้องมีการวิเคราะห์ก่อนว่า โรคซึมเศร้าเกิดจากอะไรและถ้าสามารถฟังดนตรีและผ่อนคลายได้ ก็จะเรียกว่าการผ่อนคลายด้วยตนเองและยังเป็นโรคซึมเศร้าในระยะที่สามารถรักษาได้ แต่ถ้าหากมีการฟังเพลงหรือฟังดนตรีและเกิดการซึมเศร้ามากขึ้น

ซึ่งดนตรีหรือเพลงอาจจะกระทบกระเทือนจิตในของผู้เป็นโรคซึมเศร้าในอาการเหล่านี้  หวยฮานอยดึก   ก็อาจจะต้องพบจิตเวชเพื่อหาสามารถและดูว่าการรักษาด้วยดนตรีบำบัดได้ไหมและก็จะมีการส่งตัวผู้ป่วยไปให้กับนักดนตรีบำบัด ทั้งนี้การใช้ดนตรีบำบัดสำหรับรักษาอาการของโรคซึมเศร้า ก็จะมีการใช้ดนตรีและการพูดคุยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและหาวิธีการรับมือต่อโรคซึมเศร้าหรือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยให้ได้

ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวันการรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่างๆและรวมถึงความเครียดต่างๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการโรคซึมเศร้านั้น การกินยาที่แพทย์สั่งและรักษาด้วยดนตรีบำบัดนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องทำควบคู่กัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีและสามารถที่จะหายขาดจากการซึมเศร้านั้นๆได้

อย่างไรก็ตามสำหรับโรคซึมเศร้านั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมากในช่วงวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน การรักษาด้วยดนตรีบำบัดจึงเป็นอีกทางหนึ่งในการรักษาโรคซึมเศร้า ถึงแม้ว่าดนตรีบำบัดนั้นจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้หายขาดจาการซึมเศร้าได้อย่าง100% แต่ดนตรีบำบัดนั้นก็จะทำให้การรักษาโรคซึมเศร้านั้นเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดได้

bookmark_borderอาหารป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่

อาหารป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งเราก็ได้มีมาแนะนำอยู่หลายตัวเลยมาเริ่มกันอาหารชนิดแรกกันเลยก็คือ อาหารที่มีแคลเซียมสูง มีการวิจัยว่าอาหารที่มีแคลเซียมสูงสามารถที่จะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ดีเลยทีเดียวและอาหารที่มีแคลเซียมสูงมีอะไรบ้างเช่น ผักใบเขียว ปลาตัวเล็กๆที่กินได้ทั้งตัวได้ หรือจะเป็นพวก โยเกิร์ตต่างๆนมต่างๆพวกนี้ก็เป็นอาหารที่มีแคลเซียมสูง

โดยเราสามารถที่จะทานได้เยอะแยะเลยและที่สำคัญถ้าเราทานแคลเซียมไปแล้วอย่างเดียวเราจะต้องมีวิตามินดีด้วยเพื่อช่วยในการดูดซึมแคลเซียมวิตามินดีได้จากไหนก็ได้จากแสงอาทิตย์โดยเฉพาะประเทศไทยยแสงอาทิตย์ร้อนแรงมากก็แนะนำว่าช่วง07.00-09.00โมงเช้า หรือว่า ช่วง16.00-17.00โมงเย็นก็จะเป็นแสงอาทิตย์ที่ไม่รุณแรงเกินไปก็ได้ประโยชน์เพียงพอแล้วแหละวันนึงโดนแดดประมาณสัก15นาทีจะได้วิตามินที่เพียงพอ

อาหารชนิดที่สองก็คือ กลุ่มของอาหารที่มีทั้ง ไฟเบอร์และแม็กนีเซียมสูง โดยอาหารในกลุ่มที่มีไฟเบอร์และแม็กนีเซียมสูงจะทำให้การขับถ่านของเราดีอุจจาระของเราก็จะไหลลื่นลงไปเป็นก้อนนดีแล้วอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็ง ถามว่าอาหารพวกนี้คืออะไรก็คือกลุ่มพวกข้างโอ๊ตพวกธัญพืชนั่นเองต่างๆ

สามารถที่จะรับประทานได้หลากหลายเลยแนะนำไฟเบอร์ต่อวันประมาณ90กรัมต่อวันถ้าไม่อยากคำนวณก็ไม่เป็นไรเอาเป็นว่ามื้อนึงของเรามีอาหารอยู่หนึ่งจานเราแบ่งเป็น4ส่วน2ส่วนก็คือไฟเบอร์หรือผักนั่นเองอีก1ส่วนเป็นคาร์โบไฮเดรตก็คือข้าวแป้งอีก1ส่วนนี่เป็นโปรตีนเพราฉะนั้นแล้วในหนึ่งจานของเรากินผักครึ่งจานแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

อาหารอย่างที่สามก็คือ ถั่ว โดยถั่วจะมีทั้งไฟเบอร์ทั้งโปรตีนชนิดดีมีวิตามินบีวิตามินอีพวกนี้เขาจะมีสารที่ชื่อว่า ฟลาโวนอยด์  โดยจะเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ชนิดหนึ่งยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดีไม่ใช่เพียงมะเร็งของกลุ่มลำไส้ใหญ่เท่านั้นมะเร็งอะไรมันก็สามารถที่จะลดไม่ใช่รักษา

นอกจากนี้ ลด ในที่นี้หมายถึงว่า เราจะต้องป้องกันก่อนไม่ใช่เป็นแล้วไปกินถั่วมันจะหายแบบนี้ไม่ใช่นะต้องเข้าใจกันให้ดีๆ  กริลแอร์   ก็กินพวกนี้ก็จะได้พวกโปรตีนชั้นดีได้ทั้งไฟเบอร์ต่างๆววิตามินดีต่างๆก็ลองทานกันดู

อาหารชนิดที่สี่ก็คือ ผักผลไม้ที่มีสีสดใส กลุ่มนี้เขาเรียกว่าไฟโตเคมิคอลหมายความว่าเป็นสารอาหารที่มีความเป็นธรรมชาติสูง ซึ่งได้ให้สารอาหารต่างๆได้ดีและมีการวิจัยว่าอาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติถ้าเราทานเข้าไปโดนไม่ปรุงแต่งก็จะทำให้เรามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับลดอักเสบของร่างกาย

bookmark_borderวิธีสังเกตอาการว่าคุณเป็นโรคเหนื่อยง่ายแล้วหรือยัง?

สำหรับโรคแรก ก็คือ โรคหัวใจวาย หรือ Congesti Heart Failure โรคนี้เกิดขึ้นจากการที่หัวใจของเราทำงานน้อยลงนั่นเองมันอาจจะเกิดปัจจัยต่างๆ  วิธีสังเกตอาการ  ที่มากระทบต่อหัวใจโดยส่วนใหญ่ที่สาเหตุที่พบก็เกิดจากหัวใจขาดเลือดนั่นเองพอหัวใจของเราขาดเลือดนานๆเข้า

หัวใจของเราก็จะทำงาผิดปกติไปทำงานได้น้อยลงพอหัวใจทำงานน้อยลงหัวใจมีหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงแรงกายมันก็จะทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงร่างกายน้อยลงด้วยเช่นกันก็จะทำให้เราเหนื่อยง่ายไม่ว่าจะออกแรงเดินเข้าห้องน้ำก็เหนื่อยแล้วแค่หยิบขันน้ำขึ้นมาก็เหนื่อยแล้ว

นอกจากนี้แล้วถ้าหัวใจของเราทำงานช้าลงหรือว่าแย่ลงไปเรื่อยๆแล้วพวกน้ำพวกเลือดมันก็จะล้นไปที่ปอดก็จะทำให้มีอาการน้ำท่วมปอดก็จะทำให้นอนราบไม่ได้ขาบวมอันนี้ก็เป็นสัญญาณนึงว่าคุณจะเป็นโรคหัวใจ Congesti Heart Failureแล้วก็ได้ดังนั้นให้รีบไปโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อไป

สำหรับโรคที่สอง ก็คือ โรคโลหิตจาง หรือ Anemia ถือได้ว่าเป็นโรคที่พบกันได้บ่อยมาโดยปกติแล้วร่างกายของเราก็จะมีเม็ดเลือดแดงในการขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงในส่วนต่างๆของร่างกาย เมื่อเรามีภาวะโลหิตจางก็จะทำให้เม็ดเลือดแดงลดลงเช่นกันออกซิเจนก็จะไปเลี้ยงส่วนต่างๆในร่างกายได้น้อยลงก็จะทำให้คุณเหนื่อยง่ายเวลาออกเหนื่อยนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว

ซึ่งภาวะโลหิตจางพบได้ในใครบ้างส่วนใหญ่ก็จะพบในผู้หญิงเจริญพันธุ์เพราะว่าผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ก็จะมีประจำเดือนยิ่งใครมีประจำเดือนยิ่งใครมีประจำเดือนมาเยอะหรือว่ารอบเดือนมาหลายวันก็จะส่งผลทำให้ภาวะโลหิตจางขาดเหล็กกันได้ง่าย

ดังนั้นก็จะพบในคนที่อายุเยอะก็ได้คนที่มีอายุมากๆก็จะมีเลือดออกในทางเดินอาหารไม่ว่าจะเป็นกระเพาะหรือว่าลำไส้ก็จะทำให้ซีดลงๆก็จะทำให้มีอาการเหนื่อยมากขึ้นนั่นเองแล้วเราจะรู้ได้ง่ายว่าเรามีภาวะซีดแล้วหรือเปล่าก็ดูง่ายๆว่าให้คุณสังเกตที่มือของตัวเอง

หากมือของเราแดงดีแบบนี้ก็ไม่ซีดแล้วหรือว่าให้ดูที่ดวงตาของเราให้หลานหรือว่าลูกดูก็ได้หรือว่าเราดูในกระจกก็ได้ลองกดตาลงมาถ้าข้างในตาของเราแดงดีก็ไม่ซีดปกติแต่ถ้าดูแล้วว่ามันหายไปเลยไม่เป็นสีแดงกลายมาเป็นสีขาวไปเลยอย่างนี้ก็กลายว่าดวงตาของคุณซีดแล้วและร่วมกับว่าคุณมีอาการหอบเหนื่อยง่ายให้รีบไปพบแพทย์อาจจะต้องได้รับการรักษาต่อไป

 

สนับสนุนโดย.    agplus

bookmark_borderเกล็ดความรู้วัคซีนไฟเซอร์

เกล็ดความรู้วัคซีนไฟเซอร์ สำหรับวัคซีน mRNA เราต้องกระตุ้นเพื่อให้เกิดภูมิเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัส covid 19 โดยอาศัย mRNA ฉีดเข้าไปในร่างกายของเราโดย mRNA นี้เป็น รหัสพันธุกรรมของไวรัสโควิด 19 ในช่วงที่มันสามารถเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างโปรตีนของหนามแหลมที่เรารู้จัก

แต่ถ้าหากว่าเราฉีดวัคซีน mRNA เข้าไปโดยตรงอย่างเดียวเข้าไปมันจะโดนร่างกายของเราทำลายจะไม่สามารถเข้าสู่เซลล์ร่างกายของเราได้ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีไขมันมาหุ้มรอบมันนี่คือลักษณะของ mRNA วัคซีนก็คือมีไขมันมาหุ้มรอบตัว mRNA แล้วก็ฉีดเข้าสู่ร่างกายของเรา

ซึ่งไขมันที่หุ้มรอบจะเป็นตัวนำรหัสพันธุกรรมนี้เข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อเข้าไปกระตุ้นเพื่อให้เกิดโปรตีนหนามแหลมต่อไปเราจะพูดถึงการเก็บวัคซีน วัคซีนไฟเซอร์จะต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิ ลบ 60-80 องศา จะมีอายุยืนยาวจนกระทั่งหมดอายุของวัคซีน

แต่ถ้าหากเก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดาอุณหภูมิ 2-8 องศา จะอยู่ได้ประมาณ 1 เดือนแต่ถ้าหากเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง 25 องศา จะอยู่ได้ 2 ชั่วโมงก่อนที่จะนำเอามาใช้ฉีดให้กับเราจะต้องนำเอาวัคซีนไฟเซอร์ออกมาวางอยู่ข้างนอก

เพื่อให้เกิดการละลายก่อน2 ชั่วโมงถึงจะทำการผสมด้วยน้ำเกลือขนาด 1.8 cc หลังจากนั้นก็ทำการผสม ในการผสมนั้นห้ามเขย่าแรงต้องมีการพลิกไปพลิกมาประมาณ 10 รอบโดยสีของสารในตัวของวัคซีนจะต้องออกเป็นสีขาวหรือขาวนวลและการผสมห้ามเขย่าแรง เพราะการเขย่าแรงจะเกิดการทำร้ายของตัววัคซีน

หลังจากที่ผสมด้วยน้ำเกลือ 1.8 cc ก็สามารถที่จะฉีดได้โดยคนหนึ่งฉีดได้ 0.3 cc ดังนั้นรวมกันเท่ากับใน 1 ขวดสามารถฉีดได้ 6 คน และหลังจากผสมน้ำเกลือแล้วห้ามทิ้งตัวยาเอาไว้เกิน 6 ชั่วโมง จะทำให้หมดอายุ ดังนั้นหลังจากผสมน้ำเกลือเสร็จแล้วต้องรีบฉีดให้หมดทันที 

การฉีดวัคซีนก็คล้ายกับการฉีดวัคซีนตื่นๆก็คือจะต้องฉีด 2 โดส โดยระยะห่างวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 1 กับเข็ม 2 ห่างกันโดยประมาณ 3 สัปดาห์ และต่อมาก็จะเป็นวัคซีนตัวแรกของวัคซีนที่ต่อต้านCovid19 ที่ฉีดได้ในเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 12-16 ปี

โดยวัคซีน covid19 ตัวแรก WHO อนุมัติให้เป็นวัคซีนที่สามารถใช้ได้ในยามภาวะปกติในคนที่อายุมากกว่า 16 ปีขึ้นไปแต่ 12-16 ปี ก็ยังถือว่าเป็นวัคซีนที่ใช้ในยามฉุกเฉิน

นอกจากนี้ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์จากการศึกษาในระยะที่ 3 ก็พบว่าวัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าวัคซีนชนิดอื่นๆแต่อย่างไรก็ตามขอแนะนำนิดนึงว่า95% ในตอนนั้นเป็นสายพานก่อนหน้านี้อาจจะเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม 

ดังนั้นอาจจะเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้เนื่องจากว่าสถานการณ์ปัจจุบันสายพันธุ์โดยส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์เดลต้า

 

สนับสนุนโดย.    aesexy

bookmark_borderสงสัยตัวเองติดเชื้อหรือยังวิธีดูแลตัวเองที่บ้าน

สำหรับหลายๆคนวันนี้คงจะทราบกันแล้วว่าอาการของโควิด-19มันเป็นยังไง สงสัยตัวเองติดเชื้อ มีอาการอะไรบ้างที่ทำให้เราต้องสงสัยโควิดปัญหาก็คือว่าทีนี่ถ้าคุณไปตรวจได้ก็จะดีถ้าคุณตรวจไม่ได้เพราะว่าที่โรงพยาบาลเขาไม่รับตรวจเนื่องจากว่าเขาไม่มีเตียงพอที่จะรับคนไข้เอาไว้จะต้องทำยังไง

ก่อนอื่นเราต้องอธิบายก่อนที่อเมริกาที่ระบาดมากๆเราก็ไม่ได้รับทุกคนเข้าโรงพยาบาลเพราะว่าเรารู้อยู่แล้วว่าไม่ได้เป็นทุกคนที่จะต้องใช้ทรัพยากรในโรงพยาบาลถ้าเราทำแบบนั้นแน่นว่าดรงพยาบาลไม่พอบุคคลากรทางการแพทย์ทำงานไม่พอแน่นอน

การรักษาที่บ้านสำหรับคนที่มีอาการน้อยจึงเป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำแล้วประเทศไทยอาจจะต้องปรับในส่วนนี้ในอนาคตจะทำให้มีการตรวจเพิ่มขึ้นแล้วก็ถ้าอาการไม่มากก็รักษาตัวที่บ้านได้กักตัวที่บ้านได้ ในกรณีที่เราสงสัยว่ามีการอาการได้กับโครวิดแล้วไม่ได้ตรวจเราจะทำยังไงบ้าง

ดังนั้นถ้าเราโทรไปแล้วเขาไม่รักตรวจไม่รับอะไรเลยวิธีขั้นแรกสุดก็คือถ้าเรารู้ว่าเราเริ่มมีอาการให้เราแยกตัวเองออกมาอยู่ตัวเดียวเช่นในบ้านหากอยู่กันหลายๆคนให้เราไปห้องห้องใดห้องหนึ่งก็ได้อยู่ไปเลยคนเดียวอย่าให้ใครเข้าไปใกล้ห้องนั้นอย่ารับประทานอาหารร่วมกันเด็ดขาดให้จัดอาหารแยกไว้หรือเอามาวางหน้าห้อง

เมื่อเขาไปแล้วเรากค่อยออกมากินหรือเอาเข้าไปกินในห้องของทุกอย่างล้างเองห้ามไปใช้รวมกับเขาแล้วเราใช้เสร็จแล้วเอามาวางหน้าห้องแล้วให้ครอบครัวตักอาหารมาให้แบบนี้เป็นต้นเราจะได้ไม่มีการแพร่เชื้อไปให้คนอื่นการซักเสื้อผ้าเราควรจะแยกต่างหากซักเองจะไปให้คนอื่นซักรวมกับคนอื่นเขา

เพราะว่าบางครั้งเราใส่กระตร้าเดียวกันคนอื่นมาจับคนที่เขาไม่ติดก็มีโอกาสติดกันได้ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาและอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆคือห้องน้ำถ้าคุณมีห้องน้ำสองห้องห้องนั้นก็เป็นของคุณไปเลยอย่าไปใช้ร่วมกันแต่ถ้ามีห้องเดียวให้บ่งเวลาใช้ให้ชัดเจน

แน่นอนแล้วว่าให้ทิ้งช่วงเวลาถ้าคุณเข้าไปในห้องน้ำเสร็จออกมาแล้วก็ควรจะเว้นระยะเวลาอย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมงให้อากาศทุกอย่างมันถ่ายเทก่อนเพราะว่าแน่นอนคนเข้าห้องน้ำมันจะมีกี่คนที่จะสวมใส่หน้ากากแล้วแน่นอนว่าตอนอาบน้ำก้ไม่มีใครที่จะใส่หน้ากาก

เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะทำให้คนอื่นเขาติดเชื้อมากขึ้นดังนั้นเราควรที่จะทำให้ภายในห้องน้ำมีอากาศถ่ายเทมาที่สุดก่อนที่จะเข้าไปทำภาระกิจ

 

สนับสนุนโดย.    สูตรหวยยี่กี หวยดี

bookmark_borderอาการสร้างภูมิคุ้มกันช่วงโควิด

ซึ่งเราจะมาคุยถึงเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันปัจจัยในช่วง covid 19 ถ้าเราคุยกันถึงโลกไปนี้หรือใครที่ได้ยินข่าว อาการสร้างภูมิคุ้มกันช่วงโควิด ในตอนนี้ก็จะเป็นในส่วนของวัคซีนแต่ว่ามันไม่ใช่มีแค่เพียงทางเดียวมันมีอยู่อีกหลายทางที่เราจะนำมาเสนอ 

อันดับแรกเลยก็คือ ภูมิคุ้มกันที่จมูกปากและก็คอ เพราะว่าจริงๆแล้วเชื้อไวรัส covid-19 นั้นมันไม่ทันกระโดดเข้าไปในเลือดทันทีดังนั้นเชื้อไวรัส covid-19 มันก็จะค่อยๆเข้าไปตามผิวหนังหรือว่าอยู่ตามโต๊ะตามช้อนกินข้าวของเราบ้างเราเอาเข้าปากหรือว่าสูดดมเข้าไปแบบนี้ 

พอเราเอาเข้าปากเสร็จแล้วมันก็จะเข้าไปที่จมูกของเราก่อนเมื่อมันเข้าไปทางจมูกแล้วมันก็จะค่อยๆไล่เข้าไปจนลงเข้าไปถึงปอดของเราเชื้อโรคนั้นมันมีขนาดเล็กมากแต่ระยะเวลามันช่างไกลแสนไกลสำหรับเชื้อโรคนั้นมันไกลมากเชื้อโรคนั้นมันมองไม่เห็นลองคิดดูว่าจากจมูกลงมาหาปอดมันไกลมากเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นแล้วภูมิคุ้มกันที่ดีมากๆเลยสำหรับป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19 คือช่วงจมูกและปากก่อนที่จะถึงปอดของเราจึงจะต้องมีเมือกที่ดี เมือกในตรงนี้หมายถึงคือน้ำตาน้ำมูกและน้ำลายเราก็เป็นยาฆ่าเชื้อได้เหมือนกันและเมื่อที่คอบริเวณต่อมทอมซินAudit นอยด์โพธิ์ไทรนัดมันจะเป็นเยื่อบางๆที่คอยเราอยู่ตรงบริเวณหลอดอาหารของเราหรือแม้แต่หลอดลมของเราพวกนี้มันก็จะมีเมือกๆเยอะๆหรือแม้แต่ปอดของเรา

โดยเมือกกล่าวนี้มันก็จะเป็นเหมือนยาฆ่าเชื้อและจะมีอาวุธที่เป็นเม็ดเลือดขาวอยู่เยอะมากเลยเอาไว้ฆ่าเชื้อโรคไวรัส covid-19 ได้ ดังนั้นแล้วภูมิคุ้มกันอันดับแรกเลยก็คือที่บริเวณปอดเราจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นของทอดอาหารอะไรที่รับประทานแล้วเจ็บคออย่างเช่นพวกขนมกินเข้าไปแล้วมีความรู้สึกว่าเจ็บคอหรืออาหารที่กินเข้าไปแล้วมีความรู้สึกว่าร้อนในปากในคอน้ำมูกไหลเป็นประจำ

เวลากินอาหารประเภทนี้แล้วมีน้ำมูกไหลอยู่เป็นประจำในระยะนี้ให้คนหลีกเลี่ยงรับประทานของเรานั้นไปก่อนแบบนี้มันไม่โอเคฉะนั้นแล้วอาหารที่กินแล้วมันเกิดสร้างภูมิคุ้มกันที่บริเวณปลอดของเราคือพวกอาหารที่มีวิตามินซีเช่นพวกมะขามป้อมสมอมะขามส้มโอส้มเขียวหวานหรือว่าจะเป็นน้ำมะกรูดจะทำให้ช่วงบริเวณปากและลำคอสะอาดหรือแม้แต่การอมน้ำเกลือก็ฆ่าเชื้อโรคได้ก็จะทำให้เมื่อที่บริเวณป่าของเราดีขึ้นได้

ซึ่งจะทำให้เม็ดเลือดขาวของเราแข็งแรงที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่แค่เพียงเม็ดเลือดขาวอย่างเดียวเม็ดเลือดแดงน้ำเลือดน้ำเหลืองของเราแข็งแรงให้ได้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  huaydee