bookmark_borderหม้อไร้น้ำมันกับหม้ออบลมร้อนมันต่างกันอย่างไร

กลายมาเป็นเทรนด์ฮิตเมื่อพูดถึงหม้อทอดที่ไร้น้ำมันแอร์ไฟเยอที่มันไม่ได้เป็นแค่เพียงกระแสในบ้านของเราเท่านั้น

หรือแม้แต่ต่างประเทศเองก็ยังได้นำเอามาใช้กันในระหว่างที่เรานั้นอยู่แต่ภายในบ้านจึงทำให้บรรดาแม่ครัวต่างก็ได้หาอุปกรณ์เสริมที่ปรับวิธีในการปรุงอาหารที่ในแต่ละท้องที่นั้นมีข้อห้ามก่อไฟและก้ยังได้มีผู้คนจำนวนมากที่ได้หันมาดูแลคุณภาพกันมากขึ้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงในการใช้น้ำมันในการประกอบอาหารนั่นเอง วันนี้เราจะมาพูดเรื่องหม้อทอดที่ไม่ต้องใช้น้ำมันที่คุณควรรู้ก่อนที่จะซื้อ

ความแตกต่างระหว่างหม้อทอดที่ไม่ใช้น้ำมัน กับ หม้ออบลมร้อน

สำหรับหม้อทั้งสองอย่างนี้ได้ใช้ลมร้อนและลมเหมือนๆกันซึ่งมันก็จะมีความต่างจากหม้อทอดที่ใช้ลมนั้นมันมีคุณภาพที่แรงกว่าอีกทั้งยังรวมไปถึงรูปทรงที่ได้ออกแบบมามุ่งเน้นที่มันได้กระจายไปโดยรอบเพื่อที่มันจะกระจายความร้อนให้มันได้กระจายไปได้รอบๆมันจึงได้มีระบบความร้อนแบบที่หมุนเวียนที่มันจะสามารถทำด้วยกันได้ทั้งหมดและสิ่งที่มันจะส่งผลอาหารที่เรานั้นจะได้รับจากหม้อที่ใช้หม้อทอดโดยที่ไม่ต้องใช้น้ำมันซึ่งเราจะเห็นได้ว่าอาหารที่เรานั้น

ได้ใช้หม้อที่มันไม่ต้องใช้น้ำมันนั้นมันจะมีสีของอาหารเหลือกรอบ สำหรับอาหารที่มันได้เป็นหม้ออบลมร้อนมันก็จะทำให้อาหารเรานั้นมีความชุ่มมากกว่า ซึ่งหม้อที่อบลมร้อนนั้นมันสามารถที่จะนำเอาอาหารที่มีขนาดใหญ่ลงไปได้ อย่างเช่นปลา และ สำหรับหม้อทอดที่ไร้น้ำมันนั้นมันไม่สามารถที่จะทำแบบหม้ออบลมร้อนไม่ได้

ความสะดวกสบาย

สำหรับการใช้หม้อทอดน้ำมันนั้นมันจะมีขั้นตอนของการใช้งานที่มากกว่าแค่คุณนำปลั๊กไปเสียบและกดการตั้งค่าให้มันเหมาะกับอาหารที่เรานั้นต้องการจะนำเอาไปใช้ในหม้อ หม้อดังกล่าวนี้มันก็มีการใช้งานที่แสนจะง่ายมากเลยดังนี้ ก่อนที่เรานั้นจะนำเอาอาหารใส่เข้าไปที่หม้อนั้นก่อนอื่นเลยเราก็จะต้องเตรียมของที่เราต้องการจะนำเอาไปทอดในหม้อให้เรียบร้อยเสียงก่อน

จากนั้นเมื่อเราเตรียมวัตถุดิบครบหมดแล้วเปิดฝาหม้อทอดไร้น้ำมันเราจะเห็นได้ว่าภายในหม้อนั้นมันจะมีตะแกรงที่เอาไว้สำหรับการรองอาหาร จากนั้นให้เรานำเอาอาหารที่เตรียมนำเอาลงไปใส่ในตะแกรงให้เหมาะสมจากนั้นให้ปิดฝาและด้านหน้าหม้อนั้นมันก็จะมีปุ่มกดให้เรานั้นเลือกเวลาให้พอดีกับอาหาร

 

สนับสนุนโดย  rb88 สมัคร

bookmark_borderเสริมภูมิคุ้มกันต้านไวรัส

ช่วงนี้เราอยากจะให้ทุกคนนั้นได้ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเพิ่มภูมิต้านทานกันเพื่อที่เรานั้นจะต่อต้านกับโรคต่างๆและวันนี้เราจะมาพูดถึงอาการต้านไวรัสอย่างไวรัสโคโรน่าและต่อนี้ได้เปลี่ยนชื่อเรียกกันแล้วเป็นไวรัสโควิด-19 หากพูดถึงไวรัสโควิด19ต้องบอกเลยว่ากระแสที่ผ่านมาหลายๆคนก็ได้ให้ความสนใจเยอะมากเพราะว่าได้มีผู้ป่วยในหลายๆคนก็เยอะด้วยเหมือนกันรวมไปถึงหลายๆประเทศด้วย

โดยเฉพาะผู้ที่ได้มีภูมิต้านทานที่ต่ำและก็ผู้สูงอายุก็จะมีอาการป่วยกันเยอะมากเพราะภูมิคุ้มกันมันได้ลดลงไปเพราะฉะนั้นด้านเกราะกำบังในการต่อต้านไวรัส  และ ซึ่งไวรัสในที่นี้ไม่จำเป็นเฉพาะโคโรน่าหรือโควิดเท่านั้น อย่างเช่นไวรัสไข้หวัดใหญ่หรือไข้หวัดใหญ่ต่างๆโดยทั่วไปมันก็สามารถที่จะสร้างเการะคุ้มกันหรือในการทำตัวเองให้แข็งแรงได้มีภูมิคุ้มกันที่ดี

หากเราได้ไปติดเชื้อขึ้นมาเราก็จะหายเร็วหรือเราอากจจะไม่เป็นที่นี่เรามาดูกันหากเราอยากที่จะป้องกันให้เรานั้นได้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือว่าโควิด19และเราจะดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง ในกระทรวงสาธารณสุขบ้านเรานณรงค์ว่าเราจะต้องกินอาหารร้อนปรุงสุกไม่ใช่ว่าร้อนอย่างเดียวจะต้องปรุงให้สุกด้วยและก็ใช้ช้อนกลางเพราะว่ามันได้ติดต่อจากคนไปสู่คนในสารขัดหลั่งต่างๆไอจามอะไรต่างๆและก็ล้างมืออย่างน้อยประมาณ20วิให้สะอาดไม่ใช่ไปล้างมือแบบลวกๆ

แบบเดียวเสร็จแล้วก็ใช้เจลแอลกอฮอล์หรือในแอลกอฮอล์ในการฆ่าเชื้ออย่างน้อย70%ขึ้นไปมันสามารถที่จะทำลายเชื้อโรคฆ่าเชื้อโรคไวรัสได้ทั้งนี้จะถือได้การดูแลที่ง่ายแต่ว่ามันยังเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นที่เป็นการป้องกันอย่างหนึ่งและในส่วนของอาหารการกินนั้นมันก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเรานั้นจะสร้างเกราะคุ้มกันตัวเอง

นอกจากจะกินร้อยช้อนกลางล้างมือและในส่วนของอาหารการกินที่เราจะมาพูดกันในวันนี้มันก็ได้เป็นสิ่งที่สำคัญกันเลยที่มันจะเข้ามาสร้างเสริมภูมิคุ้มกันที่จะทำให้เรานั้นแข็งแรงมากยิ่งขึ้นบวกกับหลายๆทางให้มันได้ประสานเข้าด้วยกันรับประทานอาหารที่มันมีประโยชน์และในส่วนของอาหารที่มันจะสามารถที่จะต้านไวรัสได้นั้นมันจะมีอะไรบ้าง

เสริมภูมิคุ้มกันเลยก็คืออย่างแรกนั้นคือชาเขียว ชาเขียวนั้นได้มีสานที่จะออกฤทธิ์หลักเลยเช่นสารแคททีชินซึ่งมันได้มีคุณบัติช่วยให้เสริมภูมิคุ้มกันได้ทั้งนี้ก็ได้มีการศึกษาวิจัยกันมาแล้ววันหนึ่งประมาณ2แก้วจิบอุ่นๆมันไม่ใช่ชาเขียวที่พร้อมดื่มที่มีน้ำตาลเยอะแต่มันเป็นชาเขียวแบบที่ไม่ได้ผสมอะไรเลยดังนั้น1/2แก้วเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเรา

bookmark_borderรวมขนมของคนลดน้ำหนักที่กินแล้วไม่ส่งผลให้อ้วน 

       เชื่อว่าสาวๆ คนไหนก็คงไม่อยากที่จะอ้วนดังนั้นส่วนใหญ่จึงมักจะมีการควบคุมขนมทั้งที่ชอบมากเหลือเกินแต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้เพราะอย่างที่เรารู้กันอยู่ว่าการกินขนมแค่เพียงนิดเดียวเข้าไปเท่านั้นก็สามารถทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ววันนี้เราจึงไปสรรหาขนมมาให้คุณสาวๆได้เลือกรับประทานโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะอ้วนอีกต่อไปมาดูกันว่ามีขนมอะไรบ้าง 

  1. แครกเกอร์ชีส   เชื่อหรือไหมว่าขนมชนิดนี้มีให้ 98 แคลอรี่เท่านั้นการเลือกกินแครกเกอร์ชีสนั้นควรจะเลือกที่ทำมาจากธัญพืชหรือโฮลเกรนเพราะจะให้สารอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายของเราได้มากกว่าเป็นอาหารทานเล่นที่ช่วยให้เรากินได้โดยที่น้ำหนักไม่ต้องขึ้นมากนัก
  2. ป๊อปคอร์น หลายคนมองว่าการกินป๊อปคอร์นนั้นเป็นการเพิ่มน้ำหนักเพราะป๊อปคอร์นให้พลังงานที่สูงมากแต่หากเรากินป๊อปคอร์นที่โรยเกลือแทนป๊อปคอร์นรสคาราเมลหรือรสชีสแล้วก็มันจะให้พลังงานของเราแค่เพียง 100 แคลอรี่เท่านั้นซึ่งหากเรากินในปริมาณที่ไม่เยอะมากนักก็จะช่วยให้เราอิ่มท้องได้และที่สำคัญป๊อปคอร์นนั้นจะช่วยให้เราสามารถย่อยอาหารได้ดีอีกด้วย
  3. ขนมปังโฮลวีต ไส้ลูกเกดเชื่อไหมว่าการกินขนมปังโฮลวีตไส้ลูกเกดนี้นอกจากจะช่วยให้เราอิ่มท้องไม่รู้สึกหิวแล้วยังไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องของน้ำหนักที่จะเพิ่มขึ้นอีกด้วยเพราะขนมปังโฮลวีตนั้น จะช่วยให้เราอิ่มได้นานขึ้น และยังมีประโยชน์มากกว่าขนมปังขาวที่สำคัญตัวลูกเกดเองก็มีทั้งไฟเบอร์และวิตามินทำให้เมื่อเรากินไปแล้วจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเราดีขึ้นและไม่ทำให้เราอ้วนอีกด้วย
  4. สาหร่ายแผ่นซึ่งการกินสาหร่ายนั้นจะช่วยให้เราได้รับสารอาหารและสาหร่ายมีเส้นใยสูงแต่การกินสาหร่ายที่ดีนั้นจะต้องเป็นการกินแบบอบกรอบขอทหารใช้ทอดน้ำมันจะเยอะแล้วจะทำให้เราอ้วนได้
  5. ถั่ว การกินถั่วนั้นควรจะเลือกเป็นถั่วกรอบเช่นเดียวกันวันนั้นให้ไขมันต่ำและมีกากใยสูงอีกทั้งยังมีโปรตีนที่สูงด้วยการกินถั่วนั้นจะไม่ทำให้เราอ้วนแถมยังได้ประโยชน์จากถั่วอีกมากมายหลายอย่าง

   นี่เป็นขนมที่สาวๆสามารถเห็นได้ในช่วงที่มีการลดความอ้วนหรือใครก็ตามที่มีรูปร่างดีอยู่แล้วแต่อยากควบคุมไม่ให้มีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นก็สามารถกินขนมเหล่านี้เข้าไปได้ซึ่งเราจะสามารถได้รับสารอาหารจากถนนเหล่านี้โดยที่เราไม่ต้องอ้วนขึ้นด้วยที่สำคัญเราไม่ต้องทนหิวมองคนอื่นกินขนมเพราะเราเองก็มีขนมสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักได้ด้วย 

bookmark_borderประโยชน์ของแตงกวา

นี่คือสาเหตุที่ทำไมเรานั้นถึงควรกินแตงกวากัน

จะเห็นได้ว่าแตงกวาที่เรานั้นรู้จักมันมีประโยชน์ที่เรานั้นยังไม่รู้อีกมาก เพราะประโดยชน์ของแตงกวานั้นมีมากมาย แตงกวานั้นถือได้ว่าเป็นผักที่คนไทยนิยมนำมาทานส่วนใหญ่จะนำมาเป็นเครื่องเคียงกับอาหารที่เราทานกันมากที่สุด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทจานเดียว หรืออาจจะเป้นการนำแตงกวานี้ไปจิ้มกับน้ำพริก หรืออาจจะเอาไปทานคู่กับแซนวิช และทานกับลูกชิ้นทอดก็ได้เช่นกัน ซึ่งเอาเป็นว่าไม่ว่าจะเป็นผักของชาติไหนๆก็ไม่มีใครที่ไม่ชอบแตงกวา

ซึ่งเมื่อแตงกวามันมาเป็นสิ่งของที่เรานิยมซึ่งเรานั้นมาดูประโยชน์ของมันกันบ้างดีกว่าว่ามันมีประโยชน์อะไรบ้างเผื่อสำหรับใครที่ไม่ชอบทานจะได้หันมาทานมันบ้าง

1.แตงกวาสามารถที่จะช่วยในการทดแทนน้ำเปล่าได้สำหรับในวันที่ร่างกายของเรานั้นได้รับน้ำน้อยจนเกินไปเพราะแตงกวานั้นมันมีน้ำที่เป็นส่วนประกอบของมันถึงร้อยละ 90 เชียวนะ

2.มันสามารถช่วยให้อุณหภูมิของร่างกายของคนเราเย็นขึ้นได้ ซึ่งหากเราทานแตงกวาไปแล้วเราจะรู้สึกสดชื่นเลยก็ว่าได้

3.ในการทานแตงกวานั้นจะเป็นการช่วยให้ผิวพรรณของคนเรานั้นมีความชุ่มชื่นขึ้นได้ และยังเป็นการช่วยบรรเทาอาการที่เกิดจากการแสบร้อนที่เกิดจากการเผาของแสงแดด แต่ก็ต้องทานเยอะๆนะคะ

4.ช่วยลดสารที่เป็นพิษที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งกล่าวได้ว่าแตงกวานั้นจะเปรียบเสมือนกับไม้กวาดที่จะทำหน้าที่คอยกวาดของเสียที่อยู่ในร่างกายของเราออกไปและยังเป็นการช่วยในการระลายนิ่วที่อยู่ในไตของเราได้เป็นอย่างดี

5.เราจะเห็นได้ว่าเนื้อในของแตงกวานี้เป็นเนื้อใสๆเนื้อของมันไร้สีสันที่เป็นแบบนี้ก็มีวิตามินเพียบเลยนะ เพราะมันจะมีทั้งวิตามินซีที่มีมากต่อ20 มิลลิกรัม ต่อ100กรัม โดยวิตามินเอเบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก เป็นต้น สำหรับคนที่อยากที่จะมีผิวดีควรทานไปเถอะ เพราะมันดีต่อผิวคุณอย่างแน่นอน

6.สำหรับแตงกวานี้เหมาะสมที่สุดสำหรับกลุ่มคนที่กำลังอยู่ในช่วงของการลดอาหารหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะแตงกวาที่เรารู้จักนั้นมันมีส่วนประกอบของน้ำอยู่ในปริมาณที่ค่อนข้างมาก และยังมีแคลรี่ต่ำอีกด้วย

7.เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกแบบเรื้อรังเพราะในแตงกวานี้มีใยอาหารค่อนข้างสูงและอีกทั้งน้ำในแตงกวาจะช่วยในเรื่องของการทำให้อุจจาระนั้นเหลวลงและทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้นอีกด้วยนะ

 

bookmark_borderKetogenic Diet ฮิตกันจัง กินไขมันยังไม่ให้อ้วน

Ketogenic Diet ไม่ใช่อะไรใหม่นะ เพราะจริงๆมีกันมานานแล้ว เป็นการไดเอท หรือ ลดน้ำหนัก ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “Keto” หรือ “คีโต” ในภาษาไทย ซึ่งวิธีการไดเอท หรือ ลดน้ำหนักแบบนี้ คือ รูปแบบการกินอาหาร จำพวก คาร์โบไฮเดรต หรือ พวกแป้ง ให้น้อยที่สุด เพื่อควบคุมให้ “น้ำตาล” ให้เข้าร่างการให้น้อยที่สุด

จนร่างกายไม่สามารถนำกลูโคสและไกลโคเจนมาใช้เป็นพลังงานได้อย่างเพียงพอ ร่างกายจึงต้องเปลี่ยนไขมัน โดยการสลายไขมันของเราในร่างกายเพื่อให้ได้สารตัวหนึ่ง ที่เรียกว่า “คีโตน” (Ketone) สำหรับการใช้พลังงานแทนกลูโคสโดยเฉพาะ หรืออีกอย่างคือการเข้าสู่ภาวะ “คีโตซีส” (Ketosis) จึงทำให้ร่างกายเราต้องดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงาน (เนื่องจากร่างกายไม่มีน้ำตาลที่จะเปลี่ยนมาเป็นกลูโคส)

และนี่คือสาเหตุว่าชาวคีโตต้องการลดคาร์โบไฮเดรต หรือ แป้ง ให้มากที่สุด เพราะพวกเค้าต้องการลด น้ำตาล ให้กับร่างกายนั้นเอง 

แล้วชาวคีโต เค้ากินอะไรกัน?

  • กินไขมันดีให้มากๆ เข้าไว้ ย้ำนะว่าไขมันดี โดยควรจะกินไขมันดี คิดเป็น 75% ของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน ไขมันดีที่ควรทานก็จะเป็นไขมันดี ยกตัวอย่างเช่น ปลาแซลมอน, ไข่, ชีส, น้ำมันมะกอก, นมอัลมอนด์ และถั่วต่างๆ และต้องงดอาหารที่มี Trans Fat อย่าง อาหาร Fast Food หรือ ของทอดจากน้ำมันปาล์ม

 

  • กินโปรตีนได้ปานกลาง โดยคิดเป็น 20% ของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน หรือ ถ้าจะให้คำนวณง่ายๆ ก็คือสามารถกินได้ สัดส่วน 1 กรัม ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น หากน้ำหนัก 50 กิโลกรัม จะสามารถกินโปรตีนได้ 50 กรัม เท่านั้น โดยอาหารจำพวกโปรตีน ที่ควรกินก็จะเป็นจำพวกเนื้อสัตว์ ยกตัวอย่างเช่น เนื้อติดมัน, เนื้อไก่มีหนัง, เบคอน, ไข่, นม, เนื้อปลา, อาหารทะเล แต่ที่ต้องระวังนะ ห้ามกินโปรตีนเยอะจนเกินไป เพราะโปรตีนสามารถเปลี่ยนเป็นกลูโคสได้เช่นกัน 

 

  • สุดท้ายที่ต้องระวังที่สุด คือกินคาร์โบไฮเดรต หรือ แป้ง ให้น้อยๆ โดยพยายามควบคุมให้อยู่ใน 5% ของพลังงานที่ต้องได้รับในแต่ละวัน ดูเหมือนง่ายแต่ยากที่สุดตรงที่ต้องควบคุมคาร์โบไฮเดรต หรือ แป้ง เพราะอาหารที่คนไทยคุ้นชินก็เป็นจำพวกข้าวด้วยสิ หรือจะเป็นพวกขนมปังต่างๆก็ล้วนคือคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งดีๆในรูปแบบกินง่าย แถมอร่อยด้วย นอกจากนี้ยังควรงดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทุกชนิด รวมถึงงดผลไม้อีกด้วย เพราะของเหล่านี้สามารถเปลี่ยนมาเป็นกลูโคสได้ทั้งสิ้น ดังนั้นชาวคีโตจึงให้ความสำคัญและค่อนข้างซีเรียสกับการควบคุมคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งมากๆ และงดน้ำตาลอย่างจริงจัง และหันมาทานผักใบเขียวให้เยอะขึ้นเพื่อทำให้ร่างกายไม่ขาดสารอาหาร 

การลดแบบคีโต ถึงจะดูยากแต่จริงแล้วไม่ยากอย่างที่คุณคิดหรอกนะ หากคุณเป็นคนที่ชอบกินเนื้อสัตว์อยู่แล้ววิธีนี้ถือว่า work สำหรับคุณแน่นอน และนี่เป็นจุดที่ทำให้คนหันมาฮิตทำคีโตกัน!

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนเรื่องราวโดย  BK8

bookmark_borderไม่อยากป่วยตาย ตรวจสอบช้อนทุกครั้งก่อนกินอาหาร 

    คนอาจจะสงสัยว่าหัวข้อที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้มันมีผลเชื่อมโยงกันยังไงช้อนจะทำให้เราเสียชีวิตได้อย่างไรอันที่จริงหากไม่มีใครนำช้อนมาปักมาที่บ้านเราก็ไม่มีทางทำให้เราเสียชีวิตได้แต่การเสียชีวิตในที่นี้ไม่ได้เสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุได้เท่านั้นการที่เราสะสมเชื้อโรคเข้าไปในร่างกายก็สามารถทำให้เราเสียชีวิตแบบผ่อนส่งได้เช่นเดียว

           การรับประทานอาหารของคนเรานั้นในสมัยอดีตเรามักจะใช้มือในการหยิบจับสิ่งของเข้าปากซึ่งวิธีการนี้ก็ทำให้เราได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเช่นเดียวกันหากมือของเราไม่สะอาดพอดังนั้นผู้คนจึงหาวิธีการที่จะช่วยให้เราไม่ต้องรับเชื้อโรคจากมือของเราโดยตรงเข้าไปทางปากและยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนเราโดยการพัฒนาการผลิตช้อนขึ้นมาในการใช้งานซึ่งตอนนี้จะช่วยให้เรา

ไม่นำเชื้อโรคเข้าสู่ปากของเราได้ยาเมื่อเราต้องกินอาหารเพียงแต่ว่าเราควรจะต้องมีการล้างช้อนให้สะอาดอยู่เสมอก่อนที่จะนำมาใช้งานแต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าการที่เราล้างช้อนสะอาดอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการที่จะป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย

        นั่นก็เพราะว่าปัจจุบันช้อนถูกผลิตมาจากวัสดุหลายอย่างไม่ว่าจะผิดมาจากโลหะอลูมิเนียมไม้ หรือแม้แต่พลาสติกก็ตามการใช้ช้อนเหล่านี้เราสามารถเลือกใช้ช้อนที่ผลิตมาจากวัสดุอะไรก็ได้แต่เราควรจะมีการตรวจสอบการใช้งานช้อนทุกครั้งก่อนที่จะนำมาใช้เนื่องจากวัสดุที่นำมาผลิตช้อนจะมีผลดีผลเสียแตกต่างกันออกไปยกตัวอย่างเช่นหากช้อนผลิตมาจากโลหะเมื่อมีการใช้งานไปสักพักนึงโทรหาจะมีการถูกกัดกร่อนออกไปเรื่อยๆและเกิดสนิมขึ้นซึ่งหากเราใช้ช้อนที่ขึ้นสนิมมาใช้ตักอาหารเข้าไปในปากแล้วเราก็มันก็เหมือนกับเรากำลังกินสนิมเข้าไปในท้องนั่นเองซึ่งเมื่อสะสมเป็นปริมาณมากก็จะทำให้เราไม่สบายเกิดโรคภัยไข้เจ็บและอาจจะส่งผลให้เราตายได้หรือการที่เรา

ใช้ช้อนที่ทำมาจากไม้ก็จะเห็นได้ว่าหากไม้เกิดความชื้นจะทำให้เกิดเชื้อราขึ้นซึ่งถ้าหากเราไม่มองดีๆเราจะมองไม่เห็นเชื้อราที่เกิดขึ้นกับไม้เลยและนั่นเองเมื่อเรานำช้อนมาตักอาหารก็เท่ากับว่าเรามีการนำเชื้อราเข้ามาในปากของเราซึ่งเชื้อราจะส่งผลให้ร่างกายของเราอ่อนแอและเป็นการสะสมโรคซึ่งหนึ่งในโรคที่เกิดจากเชื้อราคือโรคมะเร็ง

และเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาไม่ค่อยหายและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ดังนั้นการที่จะเลือกใช้ช้อนมาใช้ในการตักอาหารเราควรจะมีการดูแลรักษาความสะอาดของช้อนให้ดีด้วยการล้างช้อนให้สะอาดแล้วนำไปผึ่งให้แห้งก่อนที่จะมีการนำมาใช้งานทุกครั้ง

bookmark_borderฤดูร้อนแบบนี้เราไม่ควรจะกินอะไร  ?

 รู้ไหมว่าเพื่อสุขภาพที่ดีในฤดูร้อนแบบนี้เราไม่ควรจะกินอะไร  ?

                 รู้ไหมว่าอาหารการกินของแต่ละฤดูก็มีผลกระทบกับร่างกายของเราเช่นเดียวกันว่าจะส่งผลดีและผลเสียดังนั้นเราจึงควรมาดูกันว่าถ้าหากเราจะกินอาหารในช่วงฤดูร้อนนั้นอาหารอะไรบ้างที่เราสามารถทานได้และไม่มีผลกระทบต่อร่างกายของเรา

  • อันดับแรกเลยเราไม่ควรดื่มกาแฟในขณะที่เราต้องออกไปข้างนอกก็อย่างที่เราทราบกันดีอยู่ว่ากาแฟจะไปกระตุ้นการทำงานของอัตราการเต้นของหัวใจระบบกล้ามเนื้อภายในร่างกายเพราะในกาแฟจะมีสารเคมีชื่อว่าคาเฟอีนค่อยเข้าไปกระตุ้นการทำงานของร่างกายดังนั้นเมื่อมีการกระตุ้นในร่างกายมีการทำงานก็จะมีการเผาผลาญด้วยการเหงื่อออกกำลังกายเยอะขึ้นซึ่งจะหากว่าเราดื่มกาแฟแล้วเดินออกไปยังบริเวณที่มีอากาศร้อนจากเดิมที่เราต้องกินกาแฟแล้วเหงื่อออกอยู่แล้วไม่โดนอากาศร้อนๆเข้าไปก็ยิ่งทำให้เราเหงื่อออกมากขึ้นไปอีกซึ่งจะทำให้เราอยู่ในสภาวะร่างกายขาดได้และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของเราเองดังนั้นในฤดูร้อนเราจำเป็นต้องทำงานอยู่กลางแจ้งจึงไม่ควรดื่มกาแฟนั่นเอง 
  • ต่อมาเครื่องดื่มที่เราไม่ควรทานก็คือแอลกอฮอล์ว่าจริงๆแล้วแอลกอฮอล์ก็มีฤทธิ์ไม่ต่างมากไปจากกาแฟสักเท่าไหร่ดังนั้นหากเรามีการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลากลางวันมันจะทำให้ร่างกายของเราทนทานความร้อนไม่ได้เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำให้ระบบภายในร้อนอยู่แล้วแต่ถ้าเราดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงที่อากาศร้อนจัดจะทำให้ร่างกายทนไม่ไหวแล้วอาจเกิดอาการช็อคขึ้นมาได้ซึ่งจะมีผลทำให้เสียชีวิตได้เช่นเดียวกันโดยเหตุการณ์ที่คนกินเหล้าในช่วงกลางวันและช็อกจนเกิดเสียชีวิตนั้นในประเทศไทยก็พบเห็นอยู่บ่อยครั้งในช่วงฤดูร้อนของทุกๆปี 
  • หลีกเลี่ยงการกินผลไม้ที่มีกำมะถันเยอะการที่เรากินหน่อไม้ที่มีกำมะถันอยู่ในเนื้อผลไม้นั้นจะช่วยทำให้ร่างกายของเราร้อนขึ้นซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของคนเราเช่นเดียวกัน สำหรับผลไม้ที่เมื่อเรากินเข้าไปในฤดูร้อนแล้วจะส่งผลให้ร่างกายของเราร้อนเพราะมีกำมะถันเยอะนั้นได้แก่ผลไม้ประเภทขนุน    ทุเรียนหรือแม้แต่ลำไยจะเห็นได้ว่าหากเรากินผลไม้ช่วงนี้ในฤดูร้อนแล้วแล้วก็เราน่าจะมีอาการร้อนในออกมาให้เห็นกันเป็นประจำ 

นี่เป็นอาหารและเครื่องดื่มที่ยกตัวอย่างมาให้ดูเท่านั้นว่าหากเมื่อกินไปแล้วจะมีผลกระทบต่อร่างกายแต่ยังมีอาหารและเครื่องดื่มอีกหลายชนิดที่กินเข้าไปแล้วก็มีผลกระทบต่อร่างกายในลักษณะแบบนี้เช่นเดียวกันซึ่งในครั้งต่อไปเราจะไปหาข้อมูลให้ว่ามีผลไม้หรือว่ามีน้ำอะไรบ้างที่หากเรากินเข้าไปในฤดูร้อนจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีต่อร่างกายของเรา 

 

 

สนับสนุนโดย  rb88

bookmark_borderเสียเวลาลดพุง ถ้าคุณไม่รู้สิ่งนี้

วันนี้เราก็จะมาบอกว่า เสียเวลาลดพุง ถ้าคุณไม่รู้สิ่งนี้

คุณเคยหรือไม่ที่รู้สึกว่าเราอุส่าตั้งเป้าว่าในสิ่งที่ทุกคนนั้นเกียจมากที่สุดมันคือพุงเราจะเอามันออกไป แต่ปรากฏว่าส่วนอื่นนั้นลดลงก่อนลงยกเว้นพุงคุณเป็นหรือไม่ที่ตัวคุณนั้นรู้สึกว่าถ้าพุงเรานั้นยุบลงอีกหน่อยส่วนอื่นคงที่หน้าอกต้นแขนต้นขาคงที่เราก็จะมีรูปทรงที่ดีล่ะ แต่ปรากฏว่าพุงนั้นมันยุบยากมาเลยคุณเป็นอีกหนึ่งคนหรือไม่ที่เวลาคุณจะลดความอ้วนคืออยากให้พุงนั้นมันหายไปเลยเหมือนกับนางแบบนายแบบ เราอยากจะบอกเลยว่าจริงๆแล้วคุณต้องเรียนรู้ข้อหลักๆที่เราจะบอกต่อไปนี้

ก่อนไม่งั้นคุณเองจะเสียเวลาหรือถ้าคุณไม่เสียเวลาอาจจะใช้คำว่าเสียความรู้สึกก็ได้ข้อแรก เป็นข้อที่คนส่วนใหญ่นั้นจะเข้าใจผิดกันเยอะมากและก็จะเป็นอินบล็อกที่เรานั้นได้ยินบ่อยมากเลย อย่างเช่น ออกกำลังกายอย่างไงให้พุงยุบคลุมอาหารอย่างไงแล้วก็จะต้องออกกำลังกายอย่างไงพุงถึงจะยุบ  เราอยากจะบอกว่าจริงๆ 

1 พุงไม่ยุบด้วยการออกกำลังกาย  คนส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดเรื่องนี้เยอะมากเลยเพราะเขาคิดว่าในการที่พุงจะยุบลงต้องยุบด้วยการที่เขาต้องซิทอัพเขาก็จะถามเลยว่าหมอถ้าอยากให้พุงยุบนั้นหมอคิดว่าจะต้องทำกี่นาทีหรือว่าจะต้องซิทอัพวันละกี่ครั้งหรือต่อให้คุณนั้นได้ออกกำลังกายเล่นฮูล่าฮูปยังไงมันก็ไม่ลดลงก็อย่างที่บอกไปพุงไม่ยุบด้วยการออกกำลังกายซึ่งในการออกกำลังกายเป็นการที่เรานั้นเน้นหน้าท้องไม่ว่าคุณจะทำอย่างไรออกกำลังกายแบบด้านหน้า

และด้านข้างบอกเลยว่ามันก็ไม่ได้ทำให้พุงคุณนั้นยุบลงเพียงแค่ว่ามันจะทำให้ร่างกายในส่วนนั้นกระชับมากขึ้นหรือหลายคนก็อาจจะคิดต่อว่ามันไม่ได้เป็นหลักการแบบนี้หรอถ้าเกิดว่าเรานั้นออกกำลังกายกล้ามเนื้อที่พุงคนเราจะต้องเอาไขมันที่พุงไปใช้ไม่ใช่หรอมันเป็นแบบนั้นใช่มั้ยเราอยากจะบอกว่ามันไม่ใช่เลยจากงานวิจัยได้พบว่าเรามีไขมันที่พุงในความเป็นจริงแล้วถ้าเราออกกำลังกายที่แขนแขนนั้นมันก็จะยุบแต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เพราะไขมันส่วนใหญ่นั้นจะถูกนำเอาไปใช้เป็นพลังงานซะมากกว่าและต่อให้คุณนั้นออกกำลังกายแค่นั้นมันก็ไม่สามารถที่จะทำให้พุงยุบได้ดังนั้นพุงจะยุบด้วยอะไร พุงก็จะยุบด้วยการคลหารประมาณ90%และออกกำลังกายแค่เพียง10%เท่านั้น

 

สนับสนุนโดย  9luck

bookmark_borderหลักการใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง

   ปัจจุบันนี้หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิตอยู่นอกบ้าน เพราะหน้ากากอนามัยจะช่วยกรองเชื้อโรคต่างต่างไม่ให้เข้ามาสู่ร่างกายเราได้  การที่คนเราใช้หน้ากากอนามัยเวลาที่เราไม่สบายนั้นก็เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคจากร่างกายของเราจะแพร่ไปสู่คนอื่นอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ต้องให้คนอื่นมาเดือดร้อนป่วยไปพร้อมกับเราด้วย  เป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเบื้องต้นได้ด้วย 

          เชื่อว่าทุกคนรู้จักหน้ากากอนามัยกันอยู่แล้วเป็นอย่างดี ยิ่งในสภาวะที่กำลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบนี้ไม่ว่าจะเด็กเล็กแค่ไหนก็ต้องรู้จักกันทั้งนั้น เพราะทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านทุกครั้งเพื่อปัองกันการติดเชื้อ บางคนอาจจะใส่หน้ากากอนามัย แต่อาจจะเป็นการใส่หน้ากากที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นวันนี้เราจะมาทวนวิธีการใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้องกันค่ะ

      ปัจจุบันเรามักจะเห็นว่าหน้ากากอนามัยนั้นมีสองแบบ

ซึ่งแบบแรกจะมีลายการ์ตูนน่ารักด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งจะเป็นเป็นพื้นสี ทำให้เราจะรู้ได้ทันทีว่าลายการ์ตูนจะอยู่ด้านหน้า แต่ถ้าอีกแบบหนึ่งจะมีสีพื้นอย่างเดียวเท่านั้น เช่น หน้ากากอนามัยที่มีเขียว หรือหน้ากากอนามัยที่มีสีขาวล้วน นั้นให้เราสังเกตว่าหากฝั่งไหนเป็นสีเข้มให้เอาฝั่งนั้นอยู่ด้านนอก และที่สำคัญที่หน้ากากอนามัยจะมีด้านหนึ่งทีมีลวดแข็งอยู่ริมถ้าส่วนอีกด้านจะไม่มี ให้เราเอาส่วนที่เป็นลวดอยู่ด้านบน โดยให้เราพับครึ่งที่ลวดด้านบนแล้วใส่หน้ากากอนามัยเข้าที่ใบหน้าได้เลย

โดยจะมีสายเอาไว้คล้องที่หูทั้งสองข้าง  การสวมใส่หน้ากากอนามัยให้ได้ผล เชื้อโรคไม่สามารถเข้ามาหาเรา หรือหลุดออกจากเราไปแพร่ให้คนอื่นได้นั้นเราควรมีการใส่หน้ากากอนามัยให้ผ้าแนบชิดกับจมูกให้มากที่สุด แต่อันที่จริงการที่เราจะใส่หน้ากากอนามัยสลับด้านกันนั้นก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพของหน้ากากอนามัยลดน้อยถอยลง

เพราะตัวกรองเชื้อโรคนั้นแท้จริงแล้วมันก็ยังอยู่ตรงกลางของผืนผ้าอยู่ดี เพียงแต่ว่าการใส่ที่ถูกวิธีจะทำให้ดูสวยงามมากกว่า และอีกอย่างคือผ้าด้านที่สีอ่อนกว่าจะป้องกันน้ำลายได้ดีกว่าแต่อย่างไรก็ดี ก่อนที่เราจับหน้ากากอนามัยมาสวมใส่เราก็ควรที่จะล้างมือฆ่าเชื้อโรคให้มือของเราสะอาดเสียก่อน และหากเราถอดหน้ากากออกแล้วจะใส่ใหม่ก็ควรจะล้างมือใหม่อีกรอบก่อนใส่หน้ากากเช่นกันเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของเรา

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์2020

bookmark_borderรับประทานไข่อย่างไรให้ได้รับโปรตีนที่เหมาะสม?

ถ้าเรามีไข่ซักหนึ่งฟองจากนั้นเราก็แยกไข่แดง กับ ไข่ขาวออกเราจะพบว่าในไข่แดง และ ไข่ขาวนั้นพอได้มารวมกันแล้วก็จะได้โปรตีนเฉลี่ย7กรัมแต่ถ้าเกิดเราแยกออกจากกันปริมาณโปรตีนนั้นก็อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย  ที่นี้เรามาถามถึงปริมาณในสารอาหารถ้าเรากินแยกระหว่างไข่ขาวกับไข่แดง ในไข่แดง

นั้นจะมีเกลือแร่บางตัว ซึ่งอาจจะไม่พบใน ไข่ขาว เช่นใน ไข่แดงเราจะพบว่ามี ฟอสฟอรัสสูง ในขณะที่ ไข่ขาว นั้นจะมีทั้งปริมาณโซเดียม และ โพแทสเซียม สูงกว่าในไข่แดง หรือใน ไข่แดง

ถ้าเรารับประทานก็จะได้รับ วิตามิน A D E K ซึ่งมันละลายง่ายในไขมันแต่ใน ไข่ขาวนั้นไม่ได้อะไรเลย

เพราะฉะนั้นถ้าเรากินไข่ขาวอย่างเดียวก็อาจจะทำให้ขาด วิตามิน A D E K แต่ถ้าเกิดว่าเรารับประทานแต่ไข่แดงอย่างเดียวเราก็จะไม่ได้สิ่งสำคัญเช่น เกลือแร่ เชื่อมโพแทสเซียม  โซเดียม ก็ไม่ได้ สรุงแล้วเราควรรับประทานทั้งไข่แดงละไข่ขาวมันถึงจะได้ประโยช์น หลายๆคนที่ได้ยินที่เมื่อก่อนนั้นกลัวกันในการรับประทานไข่โดยเฉพาะไข่แดงมีคอลแลตตอลอนสูงมากแต่ในงานวิจัยในระยะหลังมานี้ก็ได้มีพูดถึงเรื่องว่าการรับประทานคอลแลตตอลอนจากอาหารนั้น

ไม่ได้ส่งผลให้กับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เพราะฉะนั้น คอลแลตตอลอนที่อยู่ในเลือดของเราสร้างจากตัวเราเองประมาณถึง80ถึง90% และในส่วนที่เหลือนั้นอาจจะมาจากอาหารแต่ทีนี้ในตัวคอลแลตตอลอนเองก็มีความสำคัญร่างกายถึงได้สร้างเอาไปสร้างฮอร์โมนหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับวิตามินดี และที่เกี่ยวข้องกับหลายๆเรื่องด้วยกันดังนั้นการที่เรามีคอลแลตตอลอนก็มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ร่างกายของเรานั้นได้ทำงานได้อย่างปกติ

 คอลแลตตอลอนชนิดที่ไม่ดี ( LDL )

เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดพบในไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์

ระดับ ( LDL ) ในเลือด

ควรต่ำกว่า100มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และ ไม่ควรเกิน130มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

อันที่จริงแล้วเราไม่มีน้ำย่อยสำหรับในการย่อยไข่ขาวการที่รับประทานไข่ดิบนั้นเราไม่ได้นิยมให้รับประทานเพราะฉะนั้นเนื่องจากว่าเวลาเรารับประทานไข่ในไข่ดิบเปลือกไข่นั้นจะมีเชื้อโรคหลายตัวเช่นเดียวกัน เช่น เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นอันตรายเพราะฉะนั้นเราถึงไม่นิยมให้รับประทานไข่ดิบกันแต่ไข่นั้นมันควรที่จะเป็นแบบสุขจะดีกว่าอย่างเช่น ไข่ดาว หรือจะเป็น ไข่ต้ม ถ้าต้มแบบยางมะตูมก็ถือว่าใช้ได้แต่อย่างน้อยในตัวไข่ขาวนั้นต้องสุขมันถึงจะมีประโยช์น 

ถ้าหากว่าเรารับประทานโปรตีนที่กำเนิดหนึ่งวันโดยเฉลี่ยประมณ50กรัมถ้าวันหนึ่งเรากินไข่แล้วกินเนื้อสสัตว์อีกและกินโปรตีนเกินกว่าที่ร่างกายกำเนิดโปรตีนนั้นเมื่อกินเสร็จแล้วมันได้เผาเสร็จมันก็ได้ของเสียที่ชื่อว่า ( แอมโมเนีย ) และก็ได้เปลี่ยนไปเป็น ( ยูเรีย ) และก็ไปเอาออกที่ปัสสาวะ

 

สนับสนุนโดย  sagame